{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
“ไมเดีย” ประกาศทิศทางธุรกิจในไทย เดินหน้ารุกตลาดเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์เต็มสูบ เพิ่มช่องขาย B2B ชู Magnetic Centrifugal Chiller ช่วยประหยัดพลังงาน ทุ่มงบตลาด 12% สร้างแบรนด์ หวังผลักดันยอดขายเติบโต 45% ตั้งเป้าขึ้นเบอร์ 3 ใน 5 ปี พร้อมเปิดโรงงานใหญ่ดันไทยเป็นฮับเจาะอาเซียน
นายโทนี่ หลิว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ็มดี คอนซูเมอร์ แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ไมเดีย ประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนธุรกิจในประเทศไทยงผลักดันการเติบโตของเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ โดยขยายฐานลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (B2B) ที่ต้องการวางระบบเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ สำหรับผู้พัฒนาโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบ อาทิ โรงแรม คอนโดมิเนียม บ้านพักอาศัย ซึ่งจะเติบโตตามทิศทางของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและจากนโยบายการเปิดประเทศของภาครัฐ โดยจะเดินหน้าขยายทีมงานในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเพื่อรองรับจำนวนลูกค้าที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น ตลอดจนการพัฒนาสินค้าที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า เพื่อสร้างให้แบรนด์ไมเดียเข้าไปนั่งอยู่ในใจของลูกค้าคนไทย
โดยบริษัทได้วางงบลงทุนในการทำการตลาดและการสร้างแบรนด์ปีละ 12% จากยอดขาย พร้อมให้การสนับสนุนในด้านต่างๆ ทั้งการตลาด ทีมขาย เน้นช่องทางการขาย และจัดอบรมสินค้าให้สำหรับโครงการ พร้อมการบริการหลังการขายที่เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ โดยวางเป้าหมายการเติบโตด้านยอดขายปีนี้ 45% เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายขยายทีมงานที่แข็งแกร่ง ขยายฐานลูกค้าในปีนี้ และตั้งเป้ามีเครือข่ายพาร์ทเนอร์คู่ค้าที่แข็งแรง เพื่อให้ไมเดีย MBT ทะยานขึ้นสู่อันดับที่ 3 ของตลาดเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ VRF, Chiller และเครื่องปรับอากาศภายในสำนักงาน ในประเทศไทย ภายใน 5 ปีจากนี้
สำหรับกลยุทธ์ที่ใช้ในการรุกตลาด บริษัทจะชูความเป็นแบรนด์สำหรับคนรุ่นใหม่ ซึ่งไมเดียประเทศไทย มีสินค้าตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ และเดินหน้าพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง และยืดหยุ่น โดยเฉพาะในแง่ของเทคโนโลยี และนวัตกรรมสินค้าที่เหมาะกับพฤติกรรมการใช้งานและความต้องการของคนรุ่นใหม่ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยี IOT (Internet of Things) สำหรับควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกสบายแก่ผู้อยู่อาศัย ฯลฯ ประกอบกับการให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพการบริการหลังการขาย มั่นใจว่าจะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น
ในส่วนของของเทคโนโลยี ซึ่งถือเป็นจุดขายของเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ บวกกับความหลากหลายของสินค้า ตอบโจทย์ทุกปัญหาไม่ว่าจะเป็นลูกค้ากลุ่มธุรกิจหรือบุคคล โดยปัจจุบันภายใต้แบรนด์ไมเดีย มีสินค้าคลอบคลุมการติดตั้งในทุกขนาดพื้นที่ขนาดใหญ่ เน้น 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ได้แก่ 1.เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์แบบ VRF 2.เครื่องปรับอากาศแบบชิลเลอร์ โดยใช้ระบบทำน้ำเย็น คอมเพรสเซอร์ระบบแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Centrifugal Chiller) ให้ประสิทธิภาพในการทำความเย็นที่สูง ซึ่งทำให้อายุการใช้งานยาวนานมากขึ้น พร้อมช่วยในด้านการลดต้นทุนอย่างเหนือชั้น บวกกับการดีไซน์คอมเพรสเซอร์แบบ Back To Back ช่วยให้การทำงานของระบบคอมเพรสเซอร์เสถียรมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญ ชิลเลอร์ ที่ใช้ซึ่งเป็นการคิดค้นและพัฒนาจากโรงงานไมเดียโดยตรง ทำให้มีความได้เปรียบในด้านอะไหล่ และราคาของตัวเครื่อง นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น เทคโนโลยี Full Falling Film Evaporation เทคโนโลยีระบบการระเหยสารทำความเย็น ช่วยประหยัดในส่วนของสารทำความเย็นได้ถึง 40% เมื่อเปรียบเทียบกับชิลเลอร์ในแบบปกติ
นายโทนี่ หลิว กล่าวว่า บริษัทมีความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย ที่ผ่านมาบริษัทได้ตัดสินใจลงทุนสร้างโรงงานผลิต Midea Thailand Smart Factory สำหรับเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัย ซึ่งเปิดเดินเครื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา โดยตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 5) อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งถือเป็นโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยของไมเดียที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย อีกทั้งยังเป็นโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีกำลังผลิตสูงที่สุดที่ตั้งอยู่นอกประเทศจีนของไมเดีย กรุ๊ป โดยอนาคตวางเป้าให้โรงงานแห่งนี้เป็นศูนย์กลางส่งออกเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัย ไปยังตลาดอาเซียน ซึ่งจะช่วยยกระดับการดำเนินงานให้แก่ประเทศต่างๆ ในกลุ่มอาเซียน เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและข้อได้เปรียบในด้านภาษี อีกทั้งยังช่วยประเทศในกลุ่มอาเซียน ได้รับผลประโยชน์ในด้านห่วงโซ่อุปทานอย่างเต็มรูปแบบ
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS