{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
เอคอมเมิร์ซ กรุ๊ป หรือ ACOM โชว์ผลงานไตรมาส 1/2565 แข็งแกร่ง ทำรายได้รวม 2,591.5 ล้านบาท เติบโตโดดเด่น 39.8% จากการขยายฐานลูกค้าใหม่และยอดขายสินค้าจากลูกค้ารายเดิมที่เพิ่มขึ้นรับอีคอมเมิร์ซบูม
นายวีระพงษ์ (พอล) ศรีวรกุล ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท เอคอมเมิร์ซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ ACOM เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 1/2565 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,591.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1,853.7 ล้านบาท โดยบริษัทฯ สามารถบริหาร Operating EBITDA Margin ให้มีอัตราขาดทุนลดลงจากร้อยละ -2.8 สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564 เป็นร้อยละ -2.7 สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565 อันเป็นผลมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและความสามารถในการขยายขนาดทั้งในกิจกรรมทางตรงและทางอ้อมซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารเมื่อคิดตามร้อยละของรายได้นั้นลดลง ถึงแม้ว่าบริษัทฯ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ ขณะที่ผลขาดทุนสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2565 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญอยู่ที่ 115.9 ล้านบาท จาก 214.6 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ของบริษัทฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และการปรับปรุงประสิทธิภาพต้นทุนการดำเนินงานทั้งทางตรงและฝ่ายสนับสนุน การลดลงของผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน
จจัยการเติบโตมาจากการขยายฐานลูกค้าแบรนด์ไทยและแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ณ สิ้นไตรมาส 1/2565 ที่เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 171 ราย เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีลูกค้า 114 ราย และยอดขายสินค้าของลูกค้ารายเดิมที่เพิ่มขึ้น โดยยอดขายสินค้าจากต้นทางไปยังปลายทาง (EMV) ในไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 2,931.0 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,009.4 ล้านบาท ทั้งนี้ ยอดขายของบริษัทฯ มีความสัมพันธ์ตรงกับการเติบโตของการบริโภคและการจับจ่ายออนไลน์ในอาเซียน (ASEAN Consumer’s Spending) ที่มีอัตราการเติบโตที่สูงจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยบริษัทฯ มียอดขายสินค้าในหลากหลายประเภท ในช่องทางออนไลน์ที่หลากหลายใน 5 ประเทศและมีระบบเชื่อมต่อกับช่องทางออฟไลน์ของแบรนด์ต่าง ๆ อีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการออกผลิตภัณฑ์ EcommerceIQ SaaS ประเภทใหม่ เช่น Logistics Management Channel Management และ Order Management เป็นต้น ซึ่งจะสามารถทำให้บริษัทฯ ได้รับค่าบริการประมาณร้อยละ 3 - 5 ของ EMV บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะเติบโต พัฒนาและขยายธุรกิจ EcommerceIQ SaaS ให้มีสัดส่วนรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ ภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขยายการเติบโตทางธุรกิจในสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เพื่อเป็นการสนับสนุนแบรนด์ซึ่งเป็นผู้ใช้บริการอีคอมเมิร์ซครบวงจรของบริษัทฯ ในระดับภูมิภาคที่บริษัทฯ ได้ให้บริการอยู่ในปัจจุบันที่ต้องการให้บริษัทฯ ให้บริการในสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รวมถึงแบรนด์ในกลุ่มของ DKSH ที่ดำเนินการในสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยที่บริษัทฯ คาดหวังว่าจะมีผู้ใช้บริการอีคอมเมิร์ซครบวงจรเพิ่มมากขึ้นในระหว่างการดำเนินการดังกล่าว” นายวีระพงษ์ (พอล) กล่าว
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS