CCP ปิดงบ Q1/65 รายได้รวม 613.34 ล้านบาท กำไรสุทธิ 9.72 ล้านบาท

CCP เผยผลประกอบการไตรมาส 1/65 รายได้รวม 613.34 ล้านบาท กำไรสุทธิ 9.72 ล้านบาท มองทิศทางไตรมาส 2/65 สัญญาณฟื้นตัวดี มุ่งเน้นกลยุทธ์บริหารจัดการต้นทุน เพิ่มความสามารถทำกำไร เร่งพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ ลุยประมูลงานเพิ่ม เติม Backlog ไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท

นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/65 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 613.34 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 675.08 ล้านบาท หรือลดลง 9.14 % และมีกำไรสุทธิ 9.72 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 24.49 ล้านบาท หรือลดลง 60.31 %

ทั้งนี้ รายได้รวมและกำไรสุทธิ ปรับตัวลดลงเนื่องจาก ต้นทุนเชื้อเพลิงและวัตถุดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ประกอบกับเกิดการผันผวนด้านราคา ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องพิจารณาเลื่อนการลงทุนบางโครงการออกไป

ส่วนทิศทางการดำเนินงานไตรมาส 2/65 คาดสัญญาณฟื้นตัวดี ปัจจัยบวกสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในประเทศคลี่คลายลง ทั้งจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตที่ลดลงสร้างบรรยากาศเชิงบวกให้ผู้ประกอบธุรกิจ กลับมาลงทุนโครงการต่าง ๆ ของภาคเอกชน นิคมอุตสาหกรรมเร่งก่อสร้าง ประกอบกับ ปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจงานโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐในหลายโครงการ อาทิ งานก่อสร้างถนนของกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท โครงการพิเศษทางหลวงระหว่างเมือง ส่งผลให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทให้ความสำคัญและระมัดระวังต่อปัจจัยเสี่ยงจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาเชื้อเพลิงและ ต้นทุนวัตถุดิบ มุ่งเน้นกลยุทธ์บริหารจัดการต้นทุน โดยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารงานภายในองค์กร ระบบการขายและกระบวนการผลิต ช่วยลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย เพิ่มความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น ปัจจุบัน บริษัทได้ติดตั้ง Solar roof บริเวณโรงงานผลิต และอยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลด้านพลังงาน เชื้อเพลิงทางเลือกเพิ่มเติม เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงด้านพลังงาน

นอกจากนี้ บริษัทเร่งพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ ที่ช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน แก้ปัญหาการก่อสร้าง ลดต้นทุน สำหรับงานโครงสร้างพื้นฐานและเอกชนได้อย่างหลากหลาย รองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น พร้อมเดินหน้าประมูลงานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือ (Backlog) ไว้ไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท


COMMENTS

RELATED TOPICS

Please wait a moment