ทิสโก้แนะซื้อหุ้นเมกะเทรนด์จังหวะหุ้นร่วงทั่วโลก

ธนาคารทิสโก้ชี้หุ้นทั่วโลกมีโอกาสร่วงต่อ แนะนักลงทุนซื้อหุ้นเมกะเทรนด์กลุ่มเทคโนโลยีแห่งอนาคต และนวัตกรรมการแพทย์ คาดโตเด่น 15 - 27% ต่อปี ในช่วง 5 ปีข้างหน้า

นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลง ธนาคารทิสโก้มองว่า นักลงทุนไม่ควรถอดใจหรือชะลอการลงทุน เพราะนี่เป็น “โอกาสสำคัญ” ที่นักลงทุนจะเข้าทยอยสะสมหุ้นที่มีโอกาสเติบโตแต่ราคาปรับตัวลงมา อย่างกลุ่มธุรกิจเมกะเทรนด์ ซึ่งผลประกอบการมักจะไม่ผันผวนไปตามภาวะเศรษฐกิจ และยังมีโอกาสการเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งในปัจจุบันและอนาคต เช่น กลุ่มเทคโนโลยีแห่งอนาคต ธุรกิจนวัตกรรมการแพทย์ เป็นต้น

โดยกลุ่มเทคโนโลยีแห่งอนาคตเป็นกลุ่มที่กำลังเติบโตไปกับการดำเนินชีวิตของคนที่พึ่งพาเทคโนโลยีที่สร้างความสะดวกสบายและภาคธุรกิจที่ต้องการเพิ่มศักยภาพการทำธุรกิจ ซึ่งถ้ามองผ่านวิกฤตต่างๆ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2555 - 2565) จะเห็นได้ว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสามารถให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้นสูงถึง 18.56% ต่อปี (วัดจากดัชนี MSCI World Information Technology Index) และด้วยผลตอบแทนในระดับนี้จะทำให้เงินลงทุนมีโอกาสเติบโตเป็น 2 เท่า ใน 4 – 5 ปีข้างหน้า โดยธุรกิจกลุ่มเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่แนะนำ ได้แก่ Metaverse , Cloud Computing และ Cyber Security โดยคาดว่าทั้งสามธุรกิจมีโอกาสเติบโตเฉลี่ยสูงถึงราว 26% , 15.7% และ 13.7% ต่อปีในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ที่มา: PWC , Research and Markets)

สำหรับความกังวลเรื่องอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกดดันหุ้นกลุ่มเติบโต (Growth Stock) โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนั้น ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ของสหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้นมารับความกังวลเรื่องขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะยาวของ Fed ไปอยู่ที่ 3.2% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับใกล้ถึงจุดสูงสุดที่นักลงทุนคาดว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed จะไปสูงสุดอยู่ที่ 3.25% ทำให้แรงกดดันหุ้นกลุ่มเติบโตอาจไม่ได้มีมากไปกว่านี้

ด้านกลุ่มธุรกิจนวัตกรรมการแพทย์ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่กำลังเติบโตไปกับการเข้าสู่สังคมสูงวัย (Aging Society) ของโลก ทำให้ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเติบโตตามไปด้วย และยังมีอำนาจต่อรองสูงในการกำหนดราคาของค่ารักษาด้วย เหตุนี้เองจึงทำให้ธุรกิจธุรกิจด้าน Health Care ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2555 - 2565) ให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้นที่สูงถึง 13.85% ต่อปี โดยธุรกิจ Health Care ที่กำลังเติบโตไปพร้อมกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าก็คือกลุ่มนวัตกรรมการแพทย์ ได้แก่ ไบโอเทคโนโลยี (Biotechnology) และ ดิจิทัลเฮลธ์แคร์ (Digital Healthcare) ระบุว่าทั้งสองธุรกิจมีโอกาสเติบโต 12.2% และ 27.7% ต่อปีในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ที่มา : statista , Grand View Research)

“ข้อมูลจาก StartUp Health Insight พบว่า ในปี 2564 แม้เศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงซบเซา แต่กลับพบว่าเป็นปีทองของเทคโนโลยีทางการแพทย์ โดยมีการทุ่มงบประมาณไปเพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางแพทย์ด้วยเม็ดเงินสูงถึง 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นกว่า 20 เท่าหากเทียบกับเมื่อ 10 ปีที่แล้ว อีกทั้ง ในแง่ของการใช้จ่ายเพื่อเข้าถึงบริการด้านเฮลธ์แคร์ พบว่า ศูนย์บริการเมดิแคร์และเมดิเคด (Centers for Medicare & Medicaid Services) ของสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าสัดส่วนการใช้จ่ายทางด้านเฮลธ์แคร์ของสหรัฐฯ จะยังคงอยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 19.6% ของ GDP ไปจนถึงปี 2573 และคาดว่าในปี 2571 การใช้จ่ายทางด้านเฮลธ์แคร์จะมีมูลค่าสูงถึง 6.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าแม้สถานการณ์รอบด้านจะเลวร้ายเพียงใดก็ไม่ได้ทำให้ความสำคัญของกลุ่มเฮลธ์แคร์ลดลง และคาดว่าในอนาคตกลุ่มเฮลธ์แคร์จะยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งอีกด้วย” นายณัฐกฤติกล่าว


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment