กรุงศรีแรงกำไรQ1/64ร่วม 7.42 พันล้าน

กรุงศรีเผยผลกำไรสุทธิไตรมาสแรก 2565 จำนวน 7,420 ล้านบาท ตอกย้ำความแข็งแกร่งทางการเงิน พร้อมสนับสนุนการฟื้นฟูภาคธุรกิจ

นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2565 ของกรุงศรี และบริษัทในเครือมีกำไรสุทธิจำนวน 7,418 ล้านบาท จากการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยกรุงศรีมุ่งมั่นสานต่อพันธกิจหลักเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูภาคธุรกิจและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดที่ยืดเยื้อและปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิศาสตร์การเมือง

โดย เงินให้สินเชื่อรวมของกรุงศรียังคงเติบโตได้ที่ 2.0% ในไตรมาสแรกของปี 2565 จากความต้องการสินเชื่อของธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งเติบโตถึง 3.9% และ 4.0% ตามลำดับ สะท้อนความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้น กอปรกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยตัวชี้วัดด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังคงแข็งแกร่งจากอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ที่อยู่ในระดับต่ำเพียง 2.03% และอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับสูงสุดที่เคยบันทึกที่ 191.6% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.28% เทียบกับ 3.41% จากไตรมาสก่อนหน้า และอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (ของธนาคาร) ยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ 18.25% เทียบกับ 18.53% ณ สิ้นปี 2564

ซึ่ง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 กรุงศรี มูลค่าสินทรัพย์ สินเชื่อและเงินรับฝาก และเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) มีสินเชื่อรวม 1.93 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.83 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.61 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 291.34 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 18.25% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 13.32%

เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรก ภายใต้ภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนนับแต่ต้นปี 2565 ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยสนับสนุนจากภาคการส่งออก ควบคู่ไปกับมาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายภายในประเทศ กรุงศรีคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามวิกฤตความขัดแย้งด้านภูมิศาสตร์การเมืองในปัจจุบันจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยผ่านการปรับขึ้นของราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ และอุปสงค์จากต่างประเทศที่ชะลอลง กรุงศรีจึงปรับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2565 เป็น 2.8% จากเดิมที่ 3.7%” นายเซอิจิโร่ กล่าว


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment