{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
นาย สุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า วีซ่า ได้ร่วมกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพจำกัด (มหาชน) (BEM) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อนำเทคโนโลยีระดับโลกมาใช้ในรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ซึ่งหมายความว่าผู้โดยสารสามารถใช้บัตรเครดิตประเภทคอนแทคเลสของตนเอง “แตะเพื่อจ่าย” ที่ประตูทางเข้า ซึ่งนอกจากจะทำให้การชำระเงินเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยแล้ว ยังช่วยขจัดขั้นตอนในการเข้าคิวเพื่อซื้อตั๋ว หรือเติมเงินในบัตรโดยสารทุกเดือนอีกด้วย และนี่เป็นก้าวสำคัญที่ยกระดับให้กรุงเทพฯ มีความทันสมัยทัดเทียมกับมหานครของโลกอย่าง ลอนดอน นิวยอร์ก ดูไบ ซิดนีย์ และสิงคโปร์ และอีกมากกว่า 500 โปรเจกต์ในหัวเมืองชั้นนำทั่วโลกให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางได้อย่างไร้รอยต่อ
เมื่อพูดถึงการชำระเงินในรูปแบบดิจิทัล ประเด็นที่ต้องเน้นย้ำคือเรื่องความปลอดภัย ในรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินและม่วงนี้ใช้โซลูชั่นการชำระเงินแบบดิจิทัลของวีซ่าที่มีชื่อว่า Cybersource ซึ่งหนึ่งในฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยหลักคือระบบ โทเค็น ซึ่งเป็นระบบการปกก้อง และจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่ปลอดภัยตามมาตราฐานสูงสุดของวีซ่า กล่าวคือเมื่อผู้โดยสารแตะบัตรเครดิตลงบนที่อ่านบัตรบนประตู ระบบจะแปลงตัวเลข 16 หลักบนบัตรเป็นรหัสโทเค็น (เช่น จาก 4123 5678 9101 2131 เป็น 0001 1001 1100 0011) เพื่อใช้ในการชำระเงิน ซึ่งระบบโทเค็นนี้เป็นเกราะป้องกันชั้นเลิศที่ป้องกันไม่ให้ข้อมูลของผู้ถือบัตรถูกนำไปใช้ได้ ไม่เพียงเท่านั้นเพื่อเสริมความปลอดภัยอีกขั้นไม่ว่าจะเป็น รฟม. และธนาคารกรุงไทยเองก็ไม่เก็บข้อมูลบัตรเครดิตเอาไว้ได้ นับเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงความปลอดภัยอย่างแท้จริง
ที่สุดแล้วความร่วมมือของวีซ่า กับ รฟม. BEM และธนาคารกรุงไทย ได้ช่วยปลดล็อกสิ่งที่เรารู้จักกันในวงการอุตสาหกรรมการชำระเงินว่า “ระบบสัญจรแบบเปิด (open-loop)” อันนำมาซึ่งฝันที่เป็นจริงที่ผู้โดยสารต้องการมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องใช้ชีวิตในกรุงเทพมหานคร ทุกวันนี้คนกรุงฯ ต้องพกบัตรมากมายในกระเป๋าสตางค์ซึ่งแต่ละใบใช้กับระบบขนส่งแต่ละประเภท ระบบสัญจรแบบเปิดช่วยให้บัตรหนึ่งใบสามารถใช้ชำระค่าโดยสารทุกประเภท โดยไม่จำเป็นต้องพกบัตรโดยสารแต่ละประเภทในการเดินทางให้ยุ่งยากอีกต่อไป ในทางปฏิบัติหมายความว่าคุณใช้บัตรเพียงแค่ใบเดียวที่ใช้ชำระค่าโดยสารเมื่อไปทำงาน ซื้อข้าวกลางวัน ช้อปปิ้ง และเดินทางกลับบ้าน ถือเป็นโซลูชั่นที่ช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้นอย่างแท้จริง
การใช้งานการชำระเงินแบบคอนแทคเลสยังให้ประโยชน์มากมายแก่ผู้ประกอบการ โดยค่าใช้จ่ายในการเก็บค่าโดยสารสามารถลดลงได้มากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งยังช่วยลดค่าบริหารจัดการเงินสดได้อีกด้วย และการเดินทางแบบไร้รอยต่อจะช่วยลดการเข้าคิวที่สถานีซึ่งเป็นปัจจัยในการเพิ่มความพึงพอใจให้แก่ผู้โดยสารได้ จากการศึกษาในสหรัฐฯ พบว่า 84 เปอร์เซ็นต์ ของนักเดินทางในเมืองใหญ่ๆ หงุดหงิดจากการเข้าคิวต่อจากคนที่ใช้เวลานานในการซื้อตั๋วโดยสาร และ 67 เปอร์เซ็นต์ บอกว่าพวกเขาพลาดรถไฟเที่ยวที่จะขึ้นเพราะคิวซื้อตั๋วที่ยาวเหยียด ด้วยการชำระแบบคอนแทคเลสนี้เราไม่จำเป็นต้องรอแลกเหรียญหรือเติมเงินบัตรโดยสารของเราอีกต่อไป ลองคิดดูว่าการเดินทางสัญจรทั่วกรุงเทพฯ สำหรับนักท่องเที่ยวจะง่ายเพียงใด หากเราสามารถมอบประสบการณ์การเดินทางแบบไร้รอยต่อที่แท้จริงให้กับพวกเขาได้
ถือได้ว่านี่เป็น “จิ๊กซอว์” ชิ้นสุดท้ายที่จะเชื่อมโยงระบบขนส่งมวลชนทั้งหมดในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นรถประจำทาง ทางด่วน และเรือโดยสาร ให้สามารถรองรับการชำระแบบคอนแทคเลสได้ แต่ในมุมมองของเรา ประโยชน์ของการมีระบบขนส่งมวลชนที่ทันสมัย และเชื่อมต่อนั้นเป็นมากกว่าการช่วยให้การชำระเงินในการเดินทางนั้นรวดเร็วและปลอดภัย แต่ส่งผลโดยตรงไปยังสามแกนหลักในด้านความยั่งยืนอย่าง ประชากร เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม อีกด้วย
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS