สสว.ลุยหนักดูแลเอสเอ็มอีต่อเนื่อง ปี 66 ใช้ระบบ Single sign on ให้เข้าถึงบริการภาครัฐได้ง่ายขึ้น

สสว. เดินหน้าออกมาตรการช่วยเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าแผนปี 2566 ด้วยระบบ Single sign on เพื่ออำนวยความสะดวกแก่เอสเอ็มอี ใช้เป็นรหัสเข้ารับบริการหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งยังดำเนินการแผนการส่งเสริม SME

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ในปี 2565 สสว. สสว.วางแผนดำเนินงานเพื่อดูแลเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ดำเนินการในขณะนี้คือ โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS (Business Development Service) ปี 2565 ซึ่งเป็นการสร้างโมเดลใหม่ในการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการ 5,000 กว่ารายให้ได้รับการพัฒนา ยกระดับมาตรฐาน ซึ่งจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2565 ซึ่งเป็นวันที่เปิดใช้ระบบอย่างเป็นทางการ ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการยื่นขอรับความช่วยเหลือ อุดหนุนผ่านระบบกว่า 1,000 ราย

โดย สสว. ได้ออกมาตรการ BDS เพื่อช่วยเหลือ อุดหนุนเอสเอ็มอี ผ่านโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS ปี 2565 เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการให้ได้รับโอกาสในการเข้าถึงการบริการสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่ ที่ผู้ประกอบการจะสามารถเลือกรับการบริการ หรือรับการพัฒนากับผู้ให้บริการทางธุรกิจ (Business Development Service Provider : BDSP) ในด้านที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจของตนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ BDS (https://bds.sme.go.th/) โดย สสว. จะอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการพัฒนาให้แก่ SME แบบร่วมจ่าย ในสัดส่วนร้อยละ 50 – 80 ตามขนาดของธุรกิจ ซึ่ง สสว. เตรียมงบประมาณเพื่อช่วยอุดหนุนผู้ประกอบการในปีนี้กว่า 400 ล้านบาท ให้แก่ ผู้ประกอบการที่ยื่นข้อเสนอการพัฒนายกระดับมาตรฐานของธุรกิจและได้รับอนุมัติให้ดำเนินการพัฒนา วงเงินสูงสุดรายละไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งอาจจะเรียกว่า SME Co-payment

ซึ่งประเมินว่า มาตรการ BDS นี้ จะสามารถสร้างกลไกสนับสนุนให้ผู้ให้บริการทางธุรกิจทั้งภาครัฐ หรือภาคเอกชนมีบทบาทในการส่งเสริมเอสเอ็มอี ได้มากขึ้น รวมทั้งจะสามารถทำให้ผู้ประกอบการที่ได้รับการพัฒนาจากผู้บริการทางธุรกิจสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างโอกาสทางการค้าการลงทุน และมีความพร้อมในด้านการมาตรฐานได้ 5,000 กว่าราย คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 1,500 ล้านบาท

นายวีระพงศ์ กล่าวอีกว่า สสว. ยังได้จัดทำระบบให้บริการแก่ผู้ประกอบการ หรือ SME ACCESS ซึ่งเป็นอีกเครื่องมือในการให้บริการแก่ผู้ประกอบการ ประกอบด้วย 1.www.smeone.one.info ซึ่งเป็นช่องทางเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับผู้ประกอบการในมิติต่างๆ 2.www.smeacadamy365.com หรือระบบการเรียนรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ที่รวบรวมหลักสูตรความรู้ที่จำเป็นต่อการพัฒนาธุรกิจของผู้ประกอบการ 3.Application SME CONNEXT ซึ่งเป็นช่องทางหลักของ สสว. ในรูปแบบ Application ที่รวบรวมข่าวสาร บริการ สิทธิประโยชน์ต่างๆ ของ สสว. และเป็นออนไลน์ มาร์เก็ต เพลส ที่ได้รับการส่งเสริมจาก สสว. และ 4.SME Coach ระบบฐานข้อมูลที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญหรือโค้ช ที่สามารถเป็นที่ปรึกษาเข้าช่วยเอสเอ็มอีให้มีความพร้อมและเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจได้ โดยผู้ประกอบการสามารถเข้าค้นหาและเลือกใช้บริการโค้ชที่ตรงต่อความต้องการของตนได้

ในส่วนมาตรการสนับสนุนมาตรการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (THAI SME-GP) ยังคงมีการดำเนินการ และมีฉบับปรับปรุงปี 2565 ทั้งนี้ แนวทางปฏิบัติ ซึ่งเริ่มมีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นมา ซึ่ง สสว. ได้ร่วมกับ กรมบัญชีกลางได้จัดทำคู่มือปฏิบัติ และเผยแพร่ไปยังหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ผ่านเว็บไซต์ของกรมบัญชีกลาง และ www.thaismegp.com ของ สสว. โดยขับเคลื่อนมาตรการ THAI SME-GP เพื่อมุ่งลดอุปสรรคและสร้างโอกาสเข้าถึงตลาดภาครัฐที่เป็นธรรมและทั่วถึง

ซึ่งการปรับปรุงในครั้งนี้เพื่อแก้ปัญหาและลดอุปสรรคในการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีคัดเลือก เรื่องการสมยอมราคา เรื่องสร้างความเป็นธรรมโดยให้คงสิทธิประโยชน์กับเอสเอ็มอีด้วยแต้มต่อไม่เกินร้อยละ 10 ในการเสนอราคาด้วยวิธี e-bidding ที่ใช้เกณฑ์ราคา และเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้เอสเอ็มอีที่ได้รับการรับรองเป็นสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ (Made in Thailand) ด้วยแต้มต่อไม่เกินร้อยละ 15 ขณะเดียวกันยังกระจายประโยชน์ไปยังเอสเอ็มอีรายเล็กๆ ให้เข้าถึงงานที่มีวงเงินไม่เกิน 5 แสนบาทได้ง่ายขึ้น โดยกำหนดให้หน่วยงานรัฐจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีเฉพาะเจาะจงจากเอสเอ็มอีเป็นลำดับแรก โดยข้อมูล ณ วันที่ 25 มีนาคม คือ มีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนรวมทั้งสิ้น128,567ราย มีรายการสินค้าและบริการรวม 1,009,000 รายการ ในรอบปี 2564 (มกราคม-ธันวาคม 2564

นอกจากนี้ สสว.ยังเตรียมความพร้อมในการประชุมรัฐมนตรีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (APEC SME Ministerial Meeting) ครั้งที่ 28 และการประชุมคณะคณะทำงานเอเปควิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (APEC SME Working Group Meeting) ครั้งที่ 54 ณ จังหวัดภูเก็ต โดยจะจัดขึ้นภายในเดือนกันยายน 2565 ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะแสดงความพร้อมในการต้อนรับชาวต่างชาติ ตั้งแต่ระดับผู้นำ ระดับรัฐมนตรี คณะผู้แทน นักธุรกิจ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลดีต่อ MSME โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจบริการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 สำหรับ ปี 2566 สสว. ได้เตรียมนำระบบ Single sign on หรือระบบ หนึ่งรหัส หนึ่งผู้ประกอบการ (One Identification : ID One SMEs) ซึ่งระบบดังกล่าว จะเป็นอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการและสามารถนำไปใช้เป็นรหัสตัวแทนในการเข้ารับบริการของหน่วยงานภาครัฐได้ ซึ่ง สสว. ได้ร่วมกับ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) จัดทำระบบดังกล่าวขึ้น โดยมีเป้าหมายและจะเริ่มให้บริการระบบเต็มรูปแบบ สำหรับบุคคลธรรมดา นิติบุคคล และวิสาหกิจชุมชน คาดว่าจะมีจำนวนผู้ประกอบการ บุคคลธรรมดา และนิติบุคคลมาขึ้นทะเบียนระบบฯ ไม่น้อยกว่า 1,000,000 ราย รวมทั้งยังดำเนินการแผนการส่งเสริม SME อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ สสว. เป็นหน่วยงานในการพิจารณาโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ SME (system Integrator) มากยิ่งขึ้น


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment