SFT กำไรสุทธิปี 64 เพิ่มขึ้น 42.7% เคาะจ่ายปันผลในอัตรา 0.1015บาทต่อหุ้น ตั้งเป้าปี 65 เติบโต 15-20%

ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) หรือ SFT เผยผลงานปี 64 เติบโต ทำกำไรสุทธิ 111.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.7% บอร์ดฯ อนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.1015 บาทต่อหุ้น ขณะที่ปี 65 มั่นใจผลงานเติบโต 15-20%

นายซุง ชง ทอย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SFT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2564 แม้มีความท้าทายเชิงบริหารจัดการจากปัจจัยลบโควิด-19 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จการผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยทำรายได้จากการขายรวมทั้งสิ้น 793.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปัจจัยขีดความสามารถการปรับตัวสูงขึ้น และหลังมีการเดินเครื่องจักรสายการผลิตที่ 5 ตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/2564 ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มที่เป็นภาคอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน และกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ได้ดียิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านราคาวัตถุดิบที่มีการปรับตัวขึ้น ประกอบกับรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยทั้งปีของระบบการพิมพ์แบบกราเวียร์อยู่ที่ 74.74% และระบบการพิมพ์แบบดิจิทัล 36.74% ทำให้ SFT ได้รับประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale ส่งผลให้กำไรสุทธิทำได้ 111.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผล งวดผลการดำเนินงานปี 2564 ในอัตรา 0.1015 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 14 มีนาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 พฤษภาคม 2565

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SFT กล่าวว่า แผนดำเนินงานปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโต 15-20% โดยนำความพร้อมด้านฐานการผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูปทั้งระบบการพิมพ์แบบกราเวียร์และระบบการพิมพ์ดิจัล สนับสนุนความต้องการลูกค้าใช้ฉลากฟิล์มหดรัดรูปเพื่อสร้างตราสินค้าให้โดดเด่น เพื่อทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ หลังสัญญาณเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดีขึ้น รวมถึงมีแผนกิจกรรมการตลาดร่วมงานแฟร์ เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ให้เข้ามาใช้บริการฉลากฟิล์มหดรัดรูประบบการพิมพ์แบบดิจิทัล และเมื่อยอดขายสินค้าของลูกค้าเพิ่มขึ้นก็สามารถปรับมาใช้ระบบการพิมพ์แบบกราเวียร์ต่อไป เพื่อรักษาฐานลูกค้าในระยะยาว ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังเดินหน้าวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนด้วยระบบการพิมพ์แบบดิจิทัล (Digital Flexible Packaging) อย่างต่อเนื่อง ถือเป็น S-Curve ของ SFT เพื่อทดลองทำตลาดกับฐานลูกค้าเดิม รวมถึงนำเสนอผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแก่ลูกค้าใหม่ๆ ช่วยส่งเสริมอัตราการใช้เครื่องจักรสูงขึ้นและผลักดันการเติบโตของบริษัทฯ อีกทางหนึ่งด้วย


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment