โนเบิล เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ มกราคม 2565 นี้ ลุยขยายแนวราบ

นายอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเพื่อขออนุญาตออกและเสนอขายหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จำนวน 1 รุ่น เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.60% ต่อปี ซึ่งบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ที่ระดับ “BBB” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” ในขณะเดียวกัน ได้มีการปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้จากเดิมที่ระดับ “BBB-“ มาที่ระดับ “BBB” โดยมีธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส และบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ โดยจะนำเงินที่ได้ไปขยายการลงทุนและการพัฒนาโครงการใหม่ๆ โดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในแนวราบมากขึ้น

สำหรับผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนของปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 5,792 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 936 ล้านบาท ขณะที่ยอดขาย (Pre-sales) สะสมในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 5,525 ล้านบาท โดยกว่า 3,400 ล้านบาทมาจากโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ และอีกกว่า 2,100 ล้านบาทมาจากยอดการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 2 โครงการคือ โครงการโนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ และโครงการนิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา และโครงการนิว โนเบิล อื่นๆที่ทยอยเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ และมีรายได้ที่รอการรับรู้หรือ Backlog ณ สิ้นไตรมาส 3 จำนวน 10,085 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตลอด 3 ปีข้างหน้าจะช่วยสนับสนุนการรับรู้รายได้ของ บริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง

โดยในปี 2565 NOBLE ได้เตรียมความพร้อมรับมือกับการฟื้นตัวของตลาด ด้วยการเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่รวมจำนวน 18 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 47,400 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ได้วางเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนของการพัฒนาโครงการแนวราบ รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise ในพอร์ตให้มากขึ้น เพื่อขยายพอร์ตให้มีสินค้ากระจายและรองรับกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย ครอบคลุมในหลายทำเลมากขึ้น ซึ่งการพัฒนาโครงการในแนวราบจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้เร็วขึ้นเนื่องจากใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างน้อยลง โดยคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนของการพัฒนาโครงการแนวราบในพอร์ตเกือบ 50% (ตามสัดส่วนการลงทุนของ NOBLE) โดยมีแผนจะพัฒนาโครงการในทำเลที่กระจายตัวมากขึ้น เช่น ในทำเลถนนดอนเมือง ถนนราชพฤกษ์ ถนนเอกมัย-รามอินทรา ถนนกรุงเทพกรีฑา และในทำเลที่ใกล้เมกาบางนา เป็นต้น ซึ่งทางบริษัทฯ มั่นใจว่าจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและการผ่อนคลายมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทยจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อให้กับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยได้เพิ่มขึ้น


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment