เอกา โกลบอล ทุ่มงบลงทุน R&D เตรียมปรับพื้นที่เปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้

เอกา โกลบอล ทุ่มงบลงทุน R&D เตรียมปรับพื้นที่เปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ ภายหลังติดตั้งเครื่องจักรขยายกำลังการผลิตกว่า 15% ไปแล้ว มั่นใจปี 2564 เติบโตตามเป้า 30-35% มียอดขายแตะ 1,200 ล้านบาท

นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา (R&D) นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารแนวคิดใหม่ ๆ แบบครบวงจร 360 องศา โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ กรีนโปรดักส์ โดยทุก ๆ ปี จะกำหนดงบประมาณสำหรับการวิจัยและพัฒนา สูงกว่า 1-2% ของยอดขายรวม และล่าสุดเตรียมจัดสรรงบประมาณกว่า 60-70 ล้านบาท เพื่อสร้างอาคารศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ผลิตภัณฑ์ใหม่ และใช้เป็นศูนย์เพื่อการเรียนรู้ โดยอาคารดังกล่าวจะตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกับโรงงาน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2565

ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ของเอกา โกลบอล เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว โดยบรรจุภัณฑ์สามารถรีไซเคิล (Recycle) ได้ 100% ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ “กรีนโปรดักส์” เพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกและเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย 1) บรรจุภัณฑ์ Bioplastic (PLA) ที่ผลิตจากวัตถุดิบส่วนหนึ่งที่มาจากธรรมชาติ เช่น มันสัมปะหลัง ข้าวโพด หรือ อ้อย เป็นต้น 2) บรรจุภัณฑ์ Biodegradable ที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติทั้งหมด และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ 3) บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (PCR) หรือ เรซิน รีไซเคิล ฯลฯ

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ทั่วโลกว่า อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์โลกยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 30% ต่อปี ในระยะ 3-5 ปี เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด เป็นตัวเร่งให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป และทำให้ความต้องการสินค้าสะดวกซื้อสะดวกใช้ และอาหารปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนถึงการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ และถึงแม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิดจะจบลงแต่ผู้บริโภคยุคใหม่จะคุ้นชินกับวิถีชีวิตใหม่แล้ว ทั้งนี้เป็นผลดีต่อภาพรวมธุรกิจทีมีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมอาหาร

นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้รับปัจจัยบวกจากเทรนด์ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่เติบโตขึ้นอย่างน่าสนใจและมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะตลาดอาหารสัตว์พรีเมียมที่ยังได้รับความนิยม แม้จะอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจซบเซา เนื่องจากกลุ่มคนรักสัตว์ที่รักสัตว์เลี้ยงจริง ๆ ต้องการดูแลสัตว์เลี้ยงให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดไม่ต่างไปจากตนเอง ซึ่งอาหารจะเป็นสิ่งแรกที่คำนึงถึงและต้องใส่ใจมากที่สุด

“เอกา โกลบอล มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทาน (Ready-To-Eat) และอาหารสัตว์เลี้ยง ในสัดส่วนรายได้ 50:50 โดยสถานการณ์โควิด ทำให้เราลูกค้ารายใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นเยอะมาก เมื่อผู้คนอยู่บ้านมากขึ้นและต้องการใช้สินค้าสะดวกซื้อสะดวกใช้และปลอดภัยมากขึ้น ผู้คนกินอาหารสดลดลงและต้องการอาหารพร้อมรับประทานที่บรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัยและไม่ต้องแช่ตู้เย็นมากขึ้น ควบคู่ไปกับตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียมก็โตขึ้นมาก เพราะผู้คนอยู่บ้านนานขึ้นได้หันมาเลี้ยงสัตว์มากขึ้น ซึ่งผู้บริโภคยุคใหม่จะนิยมซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงปรุงสำเร็จมากกว่าปรุงอาหารเอง และเขาจะดูแลสัตว์เลี้ยงดีเหมือนดูแลตนเอง ซึ่งคนรุ่นใหม่ต้องการสินค้าพรีเมียมมากขึ้น บรรจุภัณฑ์ของเอกา โกลบอล จึงตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่มากที่สุด ทั้งมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม มีความพรีเมียม และยังสะดวกซื้อสะดวกใช้ มีความปลอดภัย ฯลฯ ทำให้มั่นใจว่าในปีนี้ บริษัทฯ จะมียอดขายเติบโตตามเป้าหมาย 30-35% แตะที่ระดับ 1,200 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน” นายชัยวัฒน์ กล่าว


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment