การศึกษา ที่เชื่องช้า ของเด็กๆ จชต. !

โดย..องค์หญิง

เหตุการณ์หลังเริ่มวันรอมฎอน ได้เพียง 2-3 วัน พวกกลุ่มคนร้ายทำการลอบวางระเบิด ในพื้นที่จังหวัดยะลา 9 จุด จังหวัดปัตตานี 10 จุด จังหวัดนราธิวาส 3 จุด และข้ามมาที่จังหวัดสงขลา 2 จุด รวมเป็น 24 จุด แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ถึงกับมีผู้เสียชีวิต แต่ก็มีผู้บาดเจ็บ

ทำไมกลุ่มคนร้ายเหล่านี้จึงยังคงกระทำ ทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงเดือนบวช

ไม่รู้...ไม่กลัว...หรือ...คิดเป็นอย่างอื่น

“มีอิสลามบางส่วนที่บิดเบือนคำสอน ปลุกเร้าความเชื่อผิดๆ ให้กับเยาวชนในพื้นที่นั้น มีมาโดยตลอด เช่นการทำร้ายคนไทยพุทธในช่วงเดือนรอมฎอนแล้ว จะได้บุญเพิ่มขึ้นสิบเท่าแบบนี้ก็มี” เป็นคำบอกเล่าของคนในพื้นที่

ปกติแล้วแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับหลักคำสอนของศาสนาอิสลามในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีการเรียนการสอนที่แยกออกไปจากโรงเรียนในระดับประถมและมัธยมศึกษาที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ดูแลอยู่แล้ว โดยมีโรงเรียนสอนศาสนา ซึ่งคนไทยในภูมิภาคอื่นๆ อาจจะไม่คุ้นเคย นั่นก็คือ โรงเรียนตาดีกา โรงเรียนปอเนาะ และโรงเรียนสอนศาสนาเอกชน

โรงเรียนตาดีกา เป็นโรงเรียนสำหรับเด็กเล็ก จะสอนอยู่ตามมัสยิด เน้นการสอนในเรื่องของจริยธรรมคำสอนของท่านศาสนทูตมูฮัมหมัด ประวัติศาสตร์ของศาสดา ซึ่งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะมีโรงเรียนประเภทนี้อยู่เกือบ 2,000 แห่ง สอนเด็กที่นับถือศาสนาอิสลาม อายุระหว่าง 5-12 ปี

ส่วนโรงเรียนปอเนาะ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีอยู่ประมาณ 300 กว่าแห่ง จะสอนเด็กตั้งแต่ 12 ขวบขึ้นไป โดยมีเนื้อหาที่มากขึ้น เช่น วิชาหลักศรัทธาศาสนาอิสลาม ประวัติศาสตร์อิสลามและหลักปฏิบัติอื่น ๆ นอกจากนี้แล้วก็ยังมีโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามที่การเรียนการสอนจะมีเนื้อหาของวิชาสามัญเหมือนเด็กๆ ทั่วไปควบคู่อยู่ด้วย

นั่นคือการเรียนการสอนที่บอกกล่าวกันในที่สาธารณะ แต่อดีตที่ผ่านมา สถาบันการศึกษาเหล่านี้ถูกเพ่งเล็งมาตลอดว่าเป็นแหล่งบ่มเพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ของกลุ่มผู้ก่อการร้าย เพราะมีการค้นพบว่า โรงเรียนบางแห่งให้การสนับสนุนองค์กรเหล่านี้ และบุคลากรการศึกษาบางคนแอบปลูกฝังแนวคิดแก่เด็กๆ และเยาวชนให้เกลียดชังรัฐ

เกิดความหวาดระแวง ต่อกันและกันมาโดยตลอด

ทีมงาน “สำนักข่าวสับปะรด” ได้มีโอกาสพูดคุยกับ นาย อับดุลมุไฮมีน สาและ ประธานชมรมโรงเรียนตาดีกา และนาย บาบอริ นายกสมาคมสถาบันปอเนาะของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อช่วงวันเริ่มต้นรอมฎอน ก่อนเหตุการณ์ระเบิด 24 จุดนี้เพียง 2 วัน ถึงประเด็นปัญหาดังกล่าว ซึ่งทางประธานชมรมโรงเรียนตาดีกา ได้อธิบายให้ฟังว่า โดยปรัชญาของโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามนั้น ต้องการให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักคำสอนที่ถูกต้อง คือให้ทุกๆ คนเป็นคนดี ในส่วนของอุสตาส (ครูผู้สอน) ก็ไม่ใช่ว่าใครจะอยากจะเข้ามาสอนก็สอนได้ เรามีกรรมการของมัสยิดคัดเลือก ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้และเป็นคนดี ดังนั้นโรงเรียนตาดีกาทั่วๆ ไปจะไม่มีการปลูกฝังเด็กให้เดินไปในทางที่ผิด

แล้วสิ่งที่พบบางแห่งเกี่ยวพันกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายนั้น ทางนายบาบอริ กล่าวว่า เราห้ามใครมองเราอย่างนั้นไม่ได้ แต่เจตนาแท้จริงของสถาบันปอเนาะไม่ได้เกี่ยวข้อง สิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ก็คือ มีผู้ที่คิดไม่ดีแล้วเราไม่รู้มาก่อนเล็ดลอดเข้ามา ถ้ารู้เราก็ต้องขับไล่ ไม่ให้มายุ่งเกี่ยวที่จะทำให้สถาบันการศึกษาเสื่อมเสีย

เด็กเปรียบเสมือนเมล็ดพันธุ์ของสังคม ดังนั้นการเรียนรู้ในระยะต้นของชีวิตจึงมีอิทธิพลอย่างมากต่อการวางรากฐาน หากไม่ได้รับการใส่ใจดูแลอย่างถูกวิธีจะยากต่อการแก้ไขในอนาคต

ทุกวันนี้ เด็กจำนวนไม่น้อยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จบประถมหก ยังพูด-อ่าน-เขียนภาษาไทยไม่ได้ การสื่อสาร การให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องของการเป็นพลเมืองไทยที่จะได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติในอนาคตข้างหน้า ยากกก !!!

เปิดช่องให้กลุ่มผู้เห็นต่างที่เกลียดชังรัฐ อาศัยช่องโหว่เข้ามาปลุกปั่นง่ายๆ !!

หลายปีมาแล้ว เคยมีการค้นพบข้อสรุปที่รัฐจะเข้าไปช่วยดูแลหลักสูตรการเรียนการสอนของสถาบันเหล่านี้ จนมีการอนุมัติให้ใช้หลักสูตรใหม่ แต่ก็อืดอาดมาก

วันนี้ เรามีคณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาล (ศึกษาธิการส่วนหน้า) ลงไปขับเคลื่อนงานในพื้นที่ และของเดิมก็มีศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ซึ่งก็เห็นมีแต่จัดประชุมกับโรงเรียนมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่ผลการปฏิบัติก็ยังต้วมเตี้ยม สอดประสานกับเสียงตูมตามอยู่เป็นระยะ

เราจำเป็นต้องเคลื่อนที่ให้ไว เพื่อคลี่คลายข้อสงสัย ลดปัญหาความหวาดระแวงลงให้ได้ แม้แนวทางนี้จะไม่ใช่สูตรสำเร็จ ที่จะแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่อย่างน้อยก็เป็นฟันเฟืองตัวหนึ่งที่จะปิดกั้นโอกาสของการเกิดปัญหาในอนาคต และที่สำคัญเป็นการช่วยปกป้อง และสร้างอนาคตที่งดงามให้เกิดขึ้นแก่เด็กๆ ที่จะได้มีโอกาสเติบโตขึ้นมาเป็นคนมีเมตตาธรรม นำเอาหลักคำสอนทางศาสนาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม