นานาชาติเวลลิงตันฯเปิดตึก Senior School

โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันฯเปิดตึกใหม่ “Senior School” สุดหรู เพื่อการเรียนรู้และใช้ชีวิต

มร.คริสโตเฟอร์ นิโคลส์ หรือ ครูใหญ่คริส ผู้ร่วมก่อตั้งโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า โรงเรียนได้เปิดตัวอาคารเรียนใหม่ “Senior School” โดยมีแนวคิดที่ผสมผสานระหว่างความเป็น “Learning & Living Space” ที่นำเอาข้อดีจากการออกแบบพื้นที่สำหรับการใช้ชีวิต มารวมกับความต้องการของโรงเรียน เป็นพื้นที่ที่เด็กนักเรียนสามารถทั้งเรียน เล่น และสนุกกับการใช้ชีวิตได้ในเวลาเดียวกัน ยิ่งอยากเล่นก็ยิ่งอยากเรียน ใส่ความมีชีวิตชีวาเข้าไปในทุกพื้นที่ทุกตารางนิ้วของอาคาร ทั้งใต้ต้นไม้ ทุกอย่างรอบตัว ถูกสร้างมาเพื่อเป้าหมายนั้น

Senior School ถูกออกแบบให้เป็นเหมือนห้องสมุดใหญ่ ที่รายล้อมไปด้วยพื้นที่การเรียนรู้ทั้งภายในและนอกตัวอาคาร โดยมี “เลิร์นนิง สตูดิโอ” (Learning Studio) เป็นหัวใจสำคัญในการเรียนการสอนที่ความรู้จะไม่ได้มาจากครูอย่างเดียว แต่จะเปิดโอกาสให้เด็กๆ เป็นผู้กำหนดการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ด้วยการได้พูดคุย แลกเปลี่ยนไอเดียกับเพื่อน ช่วยกันทำความเข้าใจร่วมกัน แล้วนำเนื้อหาที่ได้เรียนไปคิดต่อยอดกันด้วยตัวเองทั้งในหรือนอกห้องเรียนก็ได้ไม่จำกัด แล้วสุดท้ายครูจะคอยช่วยซัพพอร์ต คอยตั้งคำถาม โยนไอเดีย มาสรุปให้ว่าสิ่งที่แชร์กันไปได้อะไรบ้าง ตอบโจทย์หรือเปล่า

สรุปคือ “ห้องเรียนทั่วไป” การเรียนการสอนจะถูกกำหนดไว้แล้ว โดยมีครูเป็นศูนย์กลาง แต่ “Learning Studio” คือ การสร้างสมดุลของการเรียนรู้ ที่ครูจะเปลี่ยนจาก “Lecturer” มาเป็น “Facilitator” ที่ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือการเป็นคนคอยผลักดันให้เด็กนักเรียนได้คิด ได้แชร์ไอเดีย แล้วมาค้นหาคำตอบที่ใช่ไปด้วยกัน พอได้มีพื้นที่แสดงความคิดตัวเองออกไปบ้าง เขาก็จะสนุกและตื่นตัวไปกับการเรียนมากขึ้น ซึ่งนี่คือการเรียนแบบ “Active Learning” ที่เด็กๆ ได้เป็นมากกว่านักเรียน เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เวลลิงตันพยายามปลูกฝังมานาน

อาคาร Senior School แห่งนี้ ยังถูกออกแบบโดยเน้นที่รายละเอียดความแตกต่าง ที่ไม่เพียงแค่ในเรื่องการใช้สีและเส้นเท่านั้น แต่จะใส่ความเป็นเอกลักษณ์ลงไปในทุกพื้นที่ ชนิดที่หากคุณได้ลองเข้าไปก็จะสามารถแยกได้เลยว่าตัวเองกำลังอยู่ส่วนไหนของอาคาร

นอกจากการออกแบบที่เน้นความแตกต่างจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความสดชื่นมีชีวิตชีวาอยู่เสมอแล้ว จากประสบการณ์การเป็นครูมาหลายปี ครูใหญ่คริสบอกว่า “ความแตกต่างของพื้นที่การเรียนรู้ มีส่วนช่วยเสริมให้เด็กได้เกิดการจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น เพราะเด็กจะจดจำได้ว่าเขาได้เรียนรู้สิ่งนี้ตอนเขาอยู่ที่ไหน และในระหว่างที่เรียนอะไรอยู่ เด็กจะสามารถจดจำได้ดีขึ้นจากบรรยากาศและสภาพแวดล้อม ในทางตรงกันข้าม หากเด็กไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน ต้องทำ ต้องเจอสภาพแวดล้อมที่ซ้ำซากจำเจทุกวัน ก็คงแอบเบื่อกันไปบ้างไม่มากก็น้อย จนอาจส่งผลถึงความกระตือรือร้นในการมาเรียน ความแม่นยำในการจดจำก็จะลดลง

การออกแบบรายละเอียดที่มีความแตกต่าง ช่วยสร้างให้เกิดความน่าสนใจ และเด็กจะพยายามมองหาสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งส่งผลต่อการเรียนรู้ที่ดีกว่า เช่น เรามีการจัดทำห้อง Harkness ให้เป็นพื้นที่ ที่เด็กใช้ในการสนทนาและร่วมกันอภิปรายเนื้อหาการเรียนรู้ ซึ่งแม้ลักษณะการใช้พื้นที่จะเหมือนกัน แต่เราก็มีการดีไซน์ห้อง Harkness ที่แตกต่างและไม่เหมือนกัน เพื่อกระตุ้นการจดจำและเรียนรู้”

นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับ “การใช้แสง” ภายในอาคาร ด้วยการสร้างให้มีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาในหลายพื้นที่พร้อมกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมภายในโบสถ์สไตล์ยุโรป เสมือนได้ย่อเวลลิงตันของอังกฤษมาไว้ในไทย แม้เนื้อที่จะเล็กกว่าแต่ก็ยังคงไว้ซึ่งประสบการณ์และบรรยากาศสภาพแวดล้อมอันเป็นเอกลักษณ์เหมือนกัน

“เรามีความตื่นเต้นกับอาคารเรียนหลังนี้มาก แม้ว่าตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างแต่เราก็สามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่จะเกิดขึ้นในอาคาร ซึ่งเราก็ตั้งตารอวันที่เราจะได้เปิดใช้อาคารเรียนแห่งนี้ และสัมผัสบรรยากาศที่จะเกิดขึ้นจริงๆ” ครูใหญ่คริส กล่าว


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment