NRFพีครายได้ Q1/64โตกระโดด78.6%

เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์’ หรือ NRF โชว์ 1/64 มีรายได้จากการดำเนินงาน 472 ล้านบาท เติบโตแรง 78.1% และกำไรสุทธิ 69 ล้านบาท ลุยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อีกไม่ต่ำกว่า 60 SKUs ต่อปี ขยายสายการผลิตจำพวกเส้น ทุ่มงบลงทุน 5.42 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ใน Wicked Food และ Konscious Foods, Inc

นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงาน 472 ล้านบาท เติบโต 78.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการดำเนินงาน 265 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักมาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของรายได้อย่างมีนัยสำคัญ ที่เติบโตในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้ธุรกิจอาหารไทยและอาหารท้องถิ่น โดยเฉพาะรายได้จากผลิตภัณฑ์เส้นบุก ที่ได้รับผลตอบรับดีจากกลุ่มลูกค้ารับจ้างผลิตรายเดิม (OEM) ในทวีปอเมริกาเหนือ รวมถึงรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากบริษัท Boosted NRF Corporation ที่ได้ซื้อผลิตภัณฑ์ Prime Labs เข้ามาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ขณะที่กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติของบริษัทในไตรมาส 1/2564 ทำได้ 69 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 50% โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) อยู่ที่ 83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านอัตรากำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (Net Profit Margin) ทำได้ 14.2% ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 16.8% สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งผลขาดทุนจากบริษัท Plant and Bean Ltd. เนื่องจากบริษัทดังกล่าวมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากความล่าช้าในการผลิตของโรงงานแห่งใหม่ เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในทวีปยุโรป อย่างไรก็ตาม คาดว่าโรงงานแห่งใหม่จะสามารถเดินเครื่องจักรผลิตสินค้าได้ในไตรมาส 2/2564 และหลังจากได้รับใบอนุญาต British Retail Consortium (BRC) ในไตรมาส 3/2564 คาดว่าจะเห็นยอดขาย Plant and Bean Ltd. เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัท ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องและได้ขยายประเภทผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัทเอง หรือผลิตภัณฑ์สินค้าของลูกค้ารับจ้างผลิต (OEM) โดย NRF ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ได้มากกว่า 60 SKUs ต่อปี โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับ City Food ทั้งหมด 4 SKUs ซึ่งจะเริ่มจัดส่งในกรกฎาคมนี้ พร้อมเตรียมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อีกกว่า 20 SKUs สำหรับกลุ่มธุรกิจอาหารไทยและอาหารท้องถิ่น รวมถึงอาหารโปรตีนจากพืช คาดว่าจะเปิดตัวภายในไตรมาส 2/2564 เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการขยายฐานลูกค้าและช่องทางการจัดจำหน่ายทั่วโลก

นอกจากนี้ บริษัท ได้มีการขยายและพัฒนากระบวนการผลิตในหลายส่วน ทั้งภายในโรงงานของบริษัทที่มีการขยายสายการผลิตของผลิตภัณฑ์จำพวกเส้น ส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นกว่า 60% นอกจากนี้ มีการขยายกำลังการผลิตของโรงงาน City Food โดย การพัฒนากระบวนการบรรจุร้อน (Hot Filling Process) เพื่อเพิ่มกำลังผลิตอีกกว่า 25% และได้มีการพัฒนาอุปกรณ์ภายในโรงงานต่าง ๆ ซึ่งทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นกว่า 15% จากการที่ผลิตภัณฑ์อาหารจากพืชได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องทั่วโลก บริษัทจึงได้รับประโยชน์จากความต้องการที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้ของกลุ่มธุรกิจอาหารจากพืชเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 112% เมื่อเทียบจากกับไตรมาส 1/63 ส่งผลให้ NRF ได้เดินหน้าขยายธุรกิจอาหารจากพืช (Plant-Based Food) อย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ Nove Foods นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการลงทุนเพิ่มเติมอีก 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 47.0 ล้านบาท ใน “Wicked Food” ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพ ดำเนินธุรกิจขายอาหารและสินค้าโปรตีนจากพืช (plant-based) อย่างครบวงจร ภายใต้แบรน์สินค้า Wicked Foods และ Wicked Kitchen ถือเป็นแบรนด์อาหารจากพืชชั้นนำที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประเทศอังกฤษ โดยคาดว่ามีสัดส่วนการถือหุ้น 1.6% ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้วของ Wicked คาดว่าธุรกรรมจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/64 และมีแผนจะขยายธุรกิจไปยังผู้จำหน่ายอาหารรายใหญ่อย่าง Kroger และ Sprouts ในประเทศสหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคมนี้ พร้อมแผนการขยายไปประเทศอื่นๆ ในอนาคต อย่างไรก็ตาม Wicked จะกลายมาเป็นส่วนสำคัญในการทำ Brand Strategy ซึ่งทางบริษัทฯ จะเข้าไปเป็นพันธมิตรในการผลิตสินค้าให้ Wicked อีกด้วย ซึ่งคาดว่าจะได้รับคำสั่งซื้อ (Order) ทันทีในช่วงไตรมาส 4/64

นอกจากนี้ ได้เตรียมขยายการลงทุนในบริษัท Konscious Foods, Inc ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจขายอาหารและสินค้าโปรตีนจากพืช (plant-based) โดยจะมุ่งเน้นสินค้าประเภทอาหารทะเล (plant-based seafood) เป็นการเพิ่มทางเลือกอื่นๆ ให้กับผู้บริโภค โดยจะเข้าลงทุนผ่านบริษัท โน้ฟ ฟูดส์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ NRF มูลค่าการลงทุนกว่า 1.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 31.3 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนในการถือหุ้น 20.3% ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้วของบริษัท Konscious ซึ่งเป็นบริษัท สตาร์ทอัพในรัฐ Delaware ประเทศสหรัฐ ถูกจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นในช่วงปลายปี 2563 และกำลังอยู่ในช่วงระดมทุนในรอบผู้ก่อตั้ง โดยบริษัทมีความประสงค์จะเข้าร่วมระดมทุนในรอบดังกล่าว คาดว่าธุรกรรมจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/64

ล่าสุด NRF ได้บรรลุข้อตกลงในการเข้าลงทุนซื้อทรัพย์สินภายใต้แบรนด์ SOL Trading โดยลงทุนผ่าน Boosted NRF Corporation ซึ่งเป็นบริษัทย่อย มูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 2.92 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 91.5 ล้านบาท มีความประสงค์จะซื้อทรัพย์สินทางปัญญา เครื่องหมายการค้าองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ และสินทรัพย์ไม่มีตัวตนอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ ภายใต้แบรนด์ของกลุ่ม SOL Trading เช่น The Cocoa Trader, Power Caribbean Cacao, and Aspen Naturals ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ด้านอาหารเพื่อสุขภาพชั้นนำที่ขายอยู่บนแพลตฟอร์ม Amazon.com โดยผลิตภัณฑ์หลักของ SOL Trading เป็นผลิตภัณฑ์ในการประกอบอาหารและเบเกอรี่ ที่อยู่ในตลาดมาแล้วเกินกว่า 8 ปี และมียอดขายย้อนหลัง 12 เดือน มากกว่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือมากกว่า 62 ล้านบาท ปัจจุบันมีการจัดจำหน่ายสินค้าทั้งหมด 45 รายการเช่น ผงโกโก้ ผงเจลาติน และจัดจำหน่ายในประเทศสหรัฐ คาดว่าธุรกรรมจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/64

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NRF กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ NRF ประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อ Prime Labs ภายใต้บริษัท BOOSTED-NRF Corporation ต้นปีที่ผ่านมา ทำให้เริ่มมีการรับรู้รายได้เข้ามาในไตรมาส 1/2564 ส่งผลให้รายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นกว่า 30 ล้านบาท และถือว่าบริษัทฯ จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนครั้งนี้อย่างต่อเนื่อง โดยจะมีโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้จะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ Prime Labs ตลอดจนการขายผลิตภัณฑ์ Prime Labs บนช่องทาง E-commerce ของเอเชีย

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในธุรกิจ E-Commerce ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นตัวเร่งทำให้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะการทำระบบ E-Commerce มาใช้ในการขายสินค้า รวมทั้งเพื่อช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วในทั่วโลก ทำให้มูลค่าของบริษัท BOOSTED E-commerce, USA เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า หรือเป็นการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ที่เติบโตกว่า 1,200% จากมูลค่าเดิมที่บริษัทฯ ได้ลงทุน 3 ล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทฯ จึงได้ทำการขายหุ้น 10% รวมเป็นเงินทั้งหมด 1.5 ล้านเหรียญ และสามารถทำกำไรได้ 1.2 ล้านเหรียญ ในไตรมาส 2/2564

ทั้งนี้ การลงทุนในช่วงที่ผ่านๆมา ถือเป็นการต่อยอดกลยุทธ์ e-commerce ของ NRF และเป็นการต่อยอดธุรกิจเดิมไปสู่ Branded e-commerce บนAmazon.com ที่มีผลิตภัณฑ์อยู่ในกลุ่ม Ethnic Food, Plant-Based Food, Functional Product ซึ่งบริษัทฯ มีความสามารถในการแข่งขันอยู่แล้ว โดยผลิตภัณฑ์เหล่านั้น ต้องมียอดขายที่ดีในระบบ E-Commerce ของ Amazon.com และยังทำให้บริษัทฯ มีโอกาสที่จะขายสินค้าที่ NRF เป็นผู้ผลิตอยู่แล้วได้อีกด้วย นอกจากนี้ ในอนาคตข้างหน้าคาดว่าจะมีดีลใหม่ๆ ที่จะตามมาอีกมากมาย ซึ่งจะส่งผลทำให้เห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในปี 2564

ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในปัจจุบันมีการฟื้นตัว หลังจากการทยอยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง และปัญหาการขาดแคลนเรือขนส่งที่จะคลี่คลาย รวมถึงคาดว่าจะมีผลกำไรที่เพิ่มขึ้นจากการผลิตในโรงงานแห่งใหม่ของ Plant and Bean ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะช่วยหนุนการเติบโตให้บริษัทฯ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้รายได้ในปี 64 เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% อย่างแน่นอน


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment