BGCสวยผลงาน Q1/64 กำไรเพิ่มขึ้น 13%

บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส หรือ BGC ไตรมาส 1/2564 ทำรายได้จากการขาย 3,020 ล้าน กำไ182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลอัตรา 0.13 บาทต่อหุ้น

นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 บริษัทมีรายได้จากการขาย 3,020

ล้านบาท เติบโต 0.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจนและเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และมีกำไรสุทธิ 182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 161 ล้านบาท

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในภาคธุรกิจต่าง ๆ อย่างชัดเจน ส่งผลให้ยอดขายจากกลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้วที่เป็นสัดส่วนรายได้หลักปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์และกลุ่มอาหารในประเทศ ที่มียอดขายปรับตัวดีขึ้น ส่วนต้นทุนด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นจากผลกระทบของราคาน้ำมัน บริษัทฯ ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเพิ่มรูปแบบของพลังงานที่ใช้เพื่อกระจายความเสี่ยง และปรับเพิ่มสัดส่วนการใช้เศษแก้วเป็นวัตถุดิบในการหลอมมากขึ้นเพื่อลดการใช้พลังงาน รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมอุณหภูมิเตาหลอมแก้วได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงได้รับผลดีจากราคาโซดาแอช (Soda ash) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับผลิตแก้วที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง และราคาเศษแก้วที่ทรงตัว

จากผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 ในอัตราหุ้นละ 0.13 บาท รวมเป็นเงิน 90 ล้านบาท เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ และจะจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 11 มิถุนายน 2564

ในขณะเดียวกัน ด้วยการขยายตัวของยอดขายบรรจุภัณฑ์แก้วที่เพิ่มขึ้น ทำให้คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการลงทุนก่อสร้างเตาหลอมแก้วแห่งใหม่ที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งมีกำลังการผลิต 400 ตันต่อวัน ใช้งบลงทุน 1,600 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงินในประเทศ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 18 เดือน ทั้งนี้การเปิดเตาหลอมแก้วใหม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยรองรับการขยายตลาดบรรจุภัณฑ์แก้วทั้งในไทยและต่างประเทศ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGC กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มความต้องการบรรจุภัณฑ์แก้วในช่วงไตรมาส 2/2564 ภาคธุรกิจต่างๆ อาจได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นบ้างจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 เช่น การกำหนดระยะเวลาเปิด-ปิดร้านอาหาร แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงเท่ากับช่วงไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมา ที่มีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์และมาตรการเคอร์ฟิว อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์ของลูกค้าอย่างใกล้ชิด และยังมั่นใจว่าจะสามารถทำผลการดำเนินงานไตรมาส 2 เติบโตดีกว่าเป้าหมาย

โดยนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เป็นต้นไป บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากการเข้าควบรวมกิจการ โดยการเข้าถือหุ้น 100% ในบริษัท บีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด และบริษัท บางกอกบรรจุภัณฑ์ จำกัด ซึ่งทั้ง 2 บริษัทมีกำไรสุทธิในปีที่ผ่านมา 46 ล้านบาทและ 26 ล้านบาทตามลำดับ เพื่อยกระดับสู่การเป็น Total Packaging Solutions ที่สามารถนำเสนอบริการแบบครบวงจร (One stop service) ให้แก่ลูกค้าโดยครอบคลุมทั้งการนำเสนอบรรจุภัณฑ์พร้อมฉลาก ฝาและกล่องกระดาษ ภายใต้เทคโนโลยีการออกแบบและการผลิตที่ทันสมัย ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มียอดขายจากลูกค้าแต่ละรายเพิ่มขึ้นและเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment