แบงก์กรุงศรีอวดไตรมาส1กำไร6,505 ล้านบาท

กรุงศรีเผยผลกำไรไตรมาสแรก 6,505 ล้านบาท ย้ำปรับตัวอย่างแข็งแกร่งพร้อมดูแลลูกค้า-หนุนเศรษฐกิจฟื้น แต่ประเมินภาพรวมได้ปรับลดจีดีพีลง หลังการแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่

นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) ในไตรมาสแรก มีกำไรสุทธิจำนวน 6,505 ล้านบาท จากการเติบโตของสินเชื่อเพื่อธุรกิจ ซึ่งรวมสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ 1.63% ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ท้าทาย คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารยังคงแข็งแกร่งภายใต้การบริหารความเสี่ยงด้วยความรอบคอบระมัดระวัง โดยธนาคารมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) เพียง 1.99% และอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ในระดับสูงที่ 175.0%

โดยภายใต้นโยบายการดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบระมัดระวังของกรุงศรี ในท่ามกลางสภาวะการณ์ที่ท้าทาย พอร์ตสินเชื่อเพื่อธุรกิจของธนาคารยังคงเติบโตที่ 1.63% ในไตรมาสแรกของปี 2564 ซึ่งเกิดจากการสนับสนุนในด้านสภาพคล่องและสินเชื่อให้แก่ลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและธุรกิจขนาดใหญ่ ตลอดจนการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม

ขณะเดียวกันกรุงศรีประเมินศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรก มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของการส่งออก สะท้อนให้เห็นถึงอุปสงค์จากประเทศคู่ค้าหลักที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมาตรการทางเศรษฐกิจที่ออกมาเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ ทั้งนี้ การกลับมาแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในช่วงต้นเดือนเมษายน 2564 เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ กรุงศรีจึงปรับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2564 มาอยู่ที่ 2.2.% จาก 2.5

สรุปผลประกอบการและฐานะการเงินที่สำคัญสำหรับไตรมาสแรก

· กำไรสุทธิ: จำนวน 6,505 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 92.2% หรือจำนวน 3,120 ล้านบาทจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหลักจากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Management Overlay) ในไตรมาสก่อนหน้า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิลดลง 7.5% หรือจำนวน 528 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักมาจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ

· เงินให้สินเชื่อรวม: เพิ่มขึ้น 0.3% หรือจำนวน 6,365 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนหน้า โดยสินเชื่อเพื่อธุรกิจ ซึ่งรวมสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เติบโต 1.63% ขณะที่สินเชื่อเพื่อรายย่อยลดลง 1.0% จากการชำระคืนสินเชื่อของลูกค้าตามปัจจัยด้านฤดูกาลและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง

· เงินรับฝาก: เพิ่มขึ้น 2.9% หรือจำนวน 53,959 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนหน้า โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินรับฝากออมทรัพย์

· ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM): อยู่ที่ 3.07% เทียบกับ 3.14% ในไตรมาสก่อนหน้า

· รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย: ลดลงจำนวน 256 ล้านบาท หรือ 2.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหลักมาจากการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจากกิจกรรมทางธุรกิจของลูกค้ารายย่อยที่สูงขึ้นตามฤดูกาลในไตรมาสก่อนหน้า

· อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้: ด้วยนโยบายการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ของกรุงศรี ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 43.8% เทียบกับ 46.5% ในไตรมาสก่อนหน้า

· อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio): ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 1.99% เทียบกับ 2.00% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563

· อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ: อยู่ในระดับสูงที่ 175.0% เทียบกับ 175.1% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563

· อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคาร: อยู่ที่ 17.85% เทียบกับ 17.92% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment