NOBLE เปิด 2 โครงการทำเลทองดันกวาดรายได้ปีนี้ 1.1 หมื่นล้านบาท

.

โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) เปิดโครงการใหม่ 2 ทำเลทอง บางนา-ทองหล่อ เจาะตลาดลูกค้าไทย-ต่างประเทศ หนุนเป้าหมายรายได้ปีนี้แตะระดับ 11,000 ล้านบาท

นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/2564 บริษัทเตรียมเปิดโครงการแล้ว 2 โครงการได้แก่ โครงการโนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ (NOBLE FORM THONGLOR ) มูลค่ารวมกว่า 5,400 ล้านบาท พร้อมชูเด่นด้านทำเลศักยภาพใจกลางถนนทองหล่อ ภายใต้แนวคิด "ONE FORM หนึ่งฟอร์ม ของชีวิตที่ได้ทุกสิ่ง" เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2567 และ โครงการนิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมแบบ Low-Riseสูง 7 ชั้น เป็นอาคารพักอาศัยจำนวน 2 อาคาร จำนวน 204 ยูนิต และมีอีก 1 อาคารสำหรับ Facilities โครงการยังจัดคงเต็มในเรื่อง Facilities ตามสไตล์ของแบรนด์ NUE โดยจัดพื้นที่รองรับกิจกรรมสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ บนทำเลศักยภาพใจกลางย่านบางนา และเพียง 10 ก้าว ถึงเซ็นทรัล บางนา ตัวโครงการยังทำราคาแบบจับต้องได้ เพื่อตอบสนองกับกลุ่มลูกค้าที่มองหาที่อยู่อาศัยในย่านนี้ โดยโครงการนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2565

โดยมั่นใจว่าทั้ง 2 โครงการจะได้รับการตอบรับที่ดี และช่วยผลักดันรายได้ของบริษัทได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 11,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขาย (pre-sale) จำนวน 16,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยติดอันดับ TOP 5 ภายใน 3 ปีข้างหน้า

ด้าน นายอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน “Noble” กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2564 บริษัทประสบความสำเร็จจากการออกหุ้นกู้ทั้งสิ้น 1,800 ล้านบาท โดยเม็ดเงินที่ได้บริษัทมีแผนจะนำเงินส่วนเกินที่ได้รับไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ

นอกจากนี้บริษัท เตรียมจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2563 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.50 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดจะนำเสนอเข้าที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 เมษายน 2564 เพื่อทำการอนุมัติ และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 และขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 10 พฤษภาคม 2564 เพื่อกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 นี้

อีกทั้งคาดว่าธุรกิจด้านการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์และสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL)ที่ร่วมมือกับทาง SAWAD เพื่อสร้างความหลากหลายและขยายโอกาสในการเข้าลงทุนสู่ธุรกิจใหม่ โดยใช้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์และสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) ที่มีหลักประกันให้มากขึ้น รวมถึงความชำนาญในการพัฒนาโครงการ การซ่อมแซม ปรับปรุง การตลาดและการส่งเสริมการขาย เพื่อเพิ่มช่องทางการขายสินทรัพย์ที่ได้จากการขายทอดตลาด หรือจากการชำระหนี้มากขึ้น รวมถึงเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินทรัพย์ในราคาที่เหมาะสม มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้รูปแบบการบันทึกรายได้ทางบัญชีจะรับรู้เป็นส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในสัดส่วน 20% (Equity Method Accounting)


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment