ASIANส่งซิกออเดอร์วิ่ง

เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่นประเมินครึ่งปีหลังธุรกิจยังเติบโตดี ออเดอร์ไหลเข้าต่อเนื่อง หนุนภาพรวมทั้งปี 63 กำไร รุกธุรกิจอาหาร ล่าสุด ปั้นแบรนด์ “ฮาจิโกะ” กลุ่มอาหารสุนัข

นายเอกกมล ประสพผลสุจริต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าอยู่ในทิศทางที่ดี ได้ประโยชน์จากความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีอยู่สูงจากการที่ผู้บริโภคใช้เวลากับสัตว์เลี้ยงและให้อาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคในด้านของอาหารกระป๋อง และอาหารบรรจุถุงเพาซ์ (pouch) จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงรุนแรงในต่างประเทศ สนับสนุนแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ปี 2563คาดจะยังคงเติบโตดีเช่นเดียวกับครึ่งปีแรกที่ผ่านมา แม้ในช่วงไตรมาส 2 คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี

อย่างไรก็ดี ASIAN มองภาพรวมธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในปีนี้จะเติบโตโดดเด่น ด้วยปริมาณคำสั่งซื้อจากผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า (OEM) จากลูกค้าทั้งในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ รวมถึงคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่รายใหม่ในญี่ปุ่น โดยมีจุดเด่นในการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญในการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ได้ขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ในกลุ่มถุงเพาซ์เครื่องที่สาม ซึ่งได้ทำการติดตั้งเพิ่มเติมในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อรองรับโอกาสในการเติบโต

นอกจากนี้ ASIAN ขยายธุรกิจมาทำผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ของตนเอง ในชื่อ “มองชู”(Monchou) ในรูปแบบอาหารสุนัขและแมวแบบเปียก (Wet pet food) และแบบเม็ด (Dry pet food) ระดับพรีเมี่ยม ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี มีการปรับปรุงแผนการจำหน่ายและกระจายสินค้าให้ทั่วถึงมากขึ้น และในเดือนกันยายนนี้ได้เปิดตัวแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงแบรนด์ใหม่ “ฮาจิโกะ” เป็นกลุ่มอาหารสุนัข เจาะตลาดราคาย่อมเยาว์ เน้นกลุ่มอาหารเม็ดและขนม หรือ สแน็ค ซึ่งก็ได้รับความสนใจมากในงาน Pet Expo ที่เพิ่งจบไป และมีแผนการวางตลาดในประเทศจีนเร็วๆ นี้

สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 2563 คาดว่า แนวโน้มเป็นไปในทิศทางบวก ประมาณการยอดขายสำหรับปีนี้ คาดจะอยู่ที่ 8,500 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ระดับ 9,200 ล้านบาท เนื่องจาก ยอดขายในกลุ่มทูน่าและกลุ่มอาหารแช่เยือกแข็งที่คาดจะลดลง แม้ว่ากลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงจะยังคงทำยอดได้ตามเป้า โดยมีการปรับเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นจาก 10-12% เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 13-15% เนื่องจากมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์อัตรากำไรสูงเพิ่มขึ้นชัดเจนในทุกกลุ่มธุรกิจ ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสบางลงกว่าครึ่งปีแรกจากการแข็งค่าของเงินบาทเป็นสำคัญ


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment