{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

บมจ.สโตนวัน หรือ STX ประเมินแนวโน้ม Q4/68 และภาพรวมปี 69 เติบโตล้อกับภาวะเศรษฐกิจ ตามการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐและเมกะโปรเจกต์ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ ชูผลิตภัณฑ์โดโลไมต์เป็นผลิตภัณฑ์ดาวรุ่งจากดีมานด์หลากหลายอุตสาหกรรม มาร์จิ้นสูง ขณะเดียวกัน เร่งเดินเครื่องเหมืองหินปูนแห่งใหม่ จ.เพชรบุรี ล่าสุด ได้ลงนามสัญญาก่อสร้างแบบ Turn-key project เรียบร้อยแล้ว พร้อมเดินหน้าพัฒนาหน้าเหมืองโรงงานโม่หิน และระบบสาธารณูปโภค คาดดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ปลาย Q1/69
นายทรงวุธ เวชชานุเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนวัน จำกัด (มหาชน) หรือ STX ผู้นำในอุตสาหกรรมเหมืองหินและแร่ เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมเหมืองหินในปี 2569 คาดว่าจะขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ แม้จะยังเห็นสัญญาณการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากโครงการก่อสร้างภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวเนื่องกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และแรงหนุนจากการขยายโครงข่ายคมนาคมในพื้นที่ยุทธศาสตร์ แม้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน บริษัทประเมินว่าธุรกิจของ STX จะยังสามารถรักษาระดับการเติบโตได้ ด้วยโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง ฐานลูกค้าชัดเจน และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์หินแกรนิต (Granite) หินปูน (Limestone) และโดโลไมต์ (Dolomite)
สำหรับกลยุทธ์การเติบโต STX ให้ความสำคัญกับการขยายแหล่งสำรองหิน ทั้งจากโครงการพัฒนาใหม่และการร่วมมือกับเหมืองที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบระยะยาว ในส่วนของผลิตภัณฑ์โดโลไมต์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีแนวโน้มการเติบโตโดดเด่น เนื่องจากมีความต้องการในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เช่น อุตสาหกรรมผลิตเหล็ก กระจก บรรจุภัณฑ์แก้ว ผลิตภัณฑ์ซีเมนต์ รวมถึงภาคอุตสาหกรรมเกษตร และเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นในระดับที่ดี ช่วยเปิดโอกาสให้บริษัทปรับกลยุทธ์การขายไปยังฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่มีกำลังซื้อและมีความต้องการใช้งานอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และเดินหน้าการผลิตเชิงพาณิชย์ของเหมืองใหม่ที่จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการเติบโตของรายได้ในอนาคต
ควบคู่กันนี้ บริษัทเตรียมบริหารพอร์ตสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการจำหน่ายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-core assets) เพื่อนำเงินมาลงทุนในธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนสูงกว่า พร้อมยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานตามหลัก ESG Mining เพื่อสร้างความโปร่งใส ความเชื่อมั่น และความร่วมมือที่ดีจากชุมชนโดยรอบอย่างยั่งยืน
“แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตชะลอลง ส่งผลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์และงานก่อสร้างบางส่วน แต่ยังมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากเมกะโปรเจกต์ภาครัฐที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นในช่วงไตรมาส 4 และต่อเนื่องในปี 2569 ซึ่งจะช่วยพยุงความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างในตลาดได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเดินหน้าปรับปรุงกระบวนการผลิตและบริหารต้นทุนอย่างเข้มงวด เพื่อเสริมความสามารถในการเติบโตอย่างมั่นคงในทุกภาวะเศรษฐกิจ” นายทรงวุธ กล่าว
ด้านความคืบหน้าโครงการเหมืองหินปูนใหม่ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งบริษัทเข้าถือกรรมสิทธิ์ในช่วงกลางปีนี้ ได้สิทธิประทานบัตร 29 ปี คงเหลืออายุตามประทานบัตร 26 ปี ปริมาณสำรองหินปูนตามประทานบัตร 25 ล้านตัน ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกสำคัญที่ช่วยยกระดับศักยภาพของ STX ให้เติบโตได้แบบก้าวกระโดด ล่าสุดในไตรมาส 3 บริษัทได้ลงนามในสัญญาก่อสร้างแบบ Turn-key project กับผู้รับเหมาเป็นที่เรียบร้อย เพื่อเดินหน้าก่อสร้างและติดตั้งระบบเครื่องจักรสำหรับกระบวนการผลิตครบวงจร พร้อมเร่งงานพัฒนาหน้าเหมืองและระบบสาธารณูปโภคตามแผนงานที่วางไว้ โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในช่วง ปลายไตรมาส 1 ปี 2569 ซึ่งจะเป็นกำลังการผลิตใหม่ที่เข้ามาเสริมความมั่นคงของวัตถุดิบ และรองรับดีมานด์วัสดุก่อสร้างที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันบริษัทดำเนินการเหมืองอยู่ 2 แห่ง คือ เหมืองหนองข่า จ.ชลบุรี และเหมืองจอมบึง จ.ราชบุรี และล่าสุดเหมืองแห่งใหม่แห่งที่ 3 ที่เขาย้อย จ.เพชรบุรี คาดว่าจะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ประมาณช่วงปลายไตรมาส 1 ปี 2569
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS