CFARM ชูแผนศักยภาพการผลิต รับดีมานด์ส่งออกทั่วโลกลุยโค้งสุดท้ายปี 68

บมจ.ชูวิทย์ ฟาร์ม (2019) หรือ CFARM เผยทิศทางธุรกิจช่วงโค้งสุดท้ายปี 2568 เดินหน้าสร้างการเติบโตต่อเนื่อง ยกระดับการพัฒนาประสิทธิภาพการเลี้ยงไก่ครบวงจร มุ่งเน้นเพิ่มปริมาณการผลิต-คุณภาพสินค้า บริหารรอบการเกลี้ยงไก่ลดต้นทุนการดำเนินงาน พร้อมรับแรงหนุนอุตสาหกรรมไก่ไทยส่งออกเบอร์หนึ่ง ความต้องการเนื้อไก่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 มีรายได้ 57.04 ล้านบาท กำไรสุทธิโต 672% และงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 รายได้ 151.04 ล้านบาท และ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 452.17%

ผศ.ดร.ศิริรักษ์ ขาวไชยมหา รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีและการเงิน พร้อมด้วย นางสาวมธุชา จึงธนสมบูรณ์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานการจัดการ บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) หรือ CFARM ประกอบธุรกิจฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อในรูปแบบเกษตรพันธสัญญา ร่วมนำเสนอข้อมูลในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน Opportunity Day ประจำไตรมาส 3/2568 โดยเปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2568 คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการปรับปรุงระบบบริหารจัดการฟาร์มและกระบวนการเลี้ยงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทสามารถเพิ่มรอบการเลี้ยงไก่ได้มากขึ้นจำนวน 2 รอบ หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 1 ล้านตัว เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้บริษัทมีจำนวนไก่ในระบบทั้งหมด 15 ล้านตัว

ขณะเดียวกัน บริษัทสามารถบริหารเวลาในการเลี้ยงได้เร็วขึ้น จากเดิมที่ใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 42.7 วันต่อรอบ ลดลงเหลือรอบละ 42.47 วัน (ลดลง 0.2 วัน) ถือเป็นหนึ่งปัจจัยที่ช่วยลดต้นทุนการถือครองได้อย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งอัตราการสูญเสียที่ลดลงในระดับ 0.19% จากเดิม 0.43% คาดว่าจะทำให้รายได้ในช่วงปลายปีเติบโตขึ้น โดยไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนคงที่ของบริษัท

ด้านอุตสาหกรรมไก่ประเทศไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากระบบการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด และ ความเชื่อมั่นของคู่ค้า อีกทั้งเนื้อไก่เป็นโปรตีนยอดนิยมเพราะราคาย่อมเยา เหมาะกับทุกศาสนา และ สอดรับกับเทรนด์การบริโภคที่เน้นสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับปัจจัยการระบาดของไข้หวัดนก (Avian Flu) ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ราคาไก่ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าสินค้าโปรตีนชนิดอื่นในตลาดโลก คาดว่าปริมาณการบริโภคไก่ทั่วโลกในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 3%

“ภาพรวมอุตสาหกรรมไก่ไทยในขณะนี้อยู่ในช่วงที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความเชื่อมั่นในระบบการผลิตและคุณภาพ ถือเป็นโอกาสของบริษัทในการพัฒนาศักยภาพการดำเนินงาน และ ขยายตลาดการส่งออกเนื้อไก่เพิ่มขึ้น ที่ผ่านมาบริษัทได้รับการรับรองคุณภาพในโครงการ Farm First Assurance Scheme จาก LRQA (Lloyd's Register Quality Assurance) ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยและความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทานอาหาร พร้อมมุ่งเน้นเรื่องสวัสดิภาพสัตว์และความยั่งยืน ถือเป็นมาตรฐานในการส่งออกสินค้าไปยังยุโรป และ สหราชอาณาจักร นอกเหนือจากตลาดญี่ปุ่นที่เป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของประเทศ อีกทั้งบริษัทมีจุดแข็งด้านระบบความปลอดภัยทางชีวภาพที่เข้มงวด ส่งผลให้ฟาร์มของบริษัทปลอดโรคไข้หวัดนกมาโดยตลอด รวมถึงการมีมาตรการเชิงรุกที่รัดกุม ตั้งแต่การควบคุมทางเข้าออก การฆ่าเชื้อยานพาหนะ การอาบน้ำเปลี่ยนชุด 100% ของบุคลากร ไปจนถึงการใช้โรงเรือนระบบปิด EVAP (Evaporative cooling system) ล้วนเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเลี้ยง ลดความเสี่ยงในการบริหารต้นทุน และ ช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัทอย่างยั่งยืนในอนาคต” ผศ.ดร.ศิริรักษ์ กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 3/2568 มีรายได้จากการเลี้ยงไก่เนื้อตามพันธะสัญญาอยู่ที่ 57.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.4% และ มีกำไรสุทธิ 10.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 672% และงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้จากการเลี้ยงไก่เนื้อตามพันธะสัญญาอยู่ที่ 151.04 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ 7.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 452.17% จากการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ปริมาณการส่งมอบไก่เนื้อที่เพิ่มขึ้น และ ราคาจำหน่ายที่อยู่ในระดับดี


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment