{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

กรมศุลกากรแถลงนโยบาย “Customs Quick Big Win” มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ควบคู่การปกป้องสังคมและจัดเก็บรายได้อย่างเป็นธรรม ปรับระเบียบลดอุปสรรคหนุนการส่งออกและนำเข้า 1 ม.ค. 68 เก็บภาษีและควบคุมสินค้านำเข้าที่ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เรียกตัวแทนหารือศุกร์ที่ 7 พ.ย.68 นี้ เตรียมยกเลิกให้รางวัลนำจับ เริ่มต้นตั้งแต่ระดับซี 8 เป็นต้นไป
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมศุลกากรพร้อมดำเนินการตามนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล โดยดำเนินการภายใต้บทบาทหลัก 3 ด้าน เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ดังนี้
1. Trade Enabler – การใช้มาตรการทางศุลกากรเพื่อกระตุ้นให้เกิดการค้า
กรมศุลกากรจะมุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านมาตรการทางศุลกากร เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดการค้า โดยเร่งปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้า–ส่งออก ปรับกระบวนการตรวจสินค้าสู่มาตรฐานสากลเพื่อลดภาระให้แก่ผู้ประกอบการที่สุจริต เร่งคืนภาษี เงินวางประกัน และเงินชดเชย เพื่อเพิ่มสภาพคล่องแก่ภาคธุรกิจ ซึ่งผู้ประกอบการรายใหญ่ ที่ไม่เคยมีประวัติเสีย มีการชำระภาษีถูกต้อง มีขนาดใหญ่ จะได้รับความรวดเร็วในการสุ่มตรวจสอบรวดเร็วมากกว่ากลุ่มที่มีความเสี่ยง
สนับสนุนการจัดทำ FTAs เพื่อขยายตลาดส่งออกของประเทศ เพิ่มสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการ AEO (Authorized Economic Operator)
ส่งเสริมการขนส่งสินค้าทางรถไฟ เช่น การให้ ICD (Inland Container Depot) เป็นจุดบรรจุสินค้าเพื่อส่งผ่านทางรถไฟกลับไปยังท่าเรือแหลมฉบัง ทำให้ตู้รถไฟที่มาส่งสินค้าจากแหลมฉบังขาเดียว สามารถขนส่งสินค้ากลับแหลมฉบังได้
ปรับปรุงพิธีการถ่ายลำและผ่านแดน ซึ่งปกติผู้ประกอบการจะต้องดำเนินการด้านเอกสารเอง จะต้องใช้เวลานาน ดังนั้นทางกรมศุลกากรจะดำเนินการด้านเอกสารให้ทั้งหมด
ลดระยะเวลาการตรวจปล่อยสินค้า รวมถึงเปิดโอกาสให้ ICD (Inland Container Depot) สามารถตรวจปล่อยสินค้าขาออกได้โดยตรง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับภาคเอกชนอย่างแท้จริง
2. Social Protector – การปกป้องสังคมจากสินค้าผิดกฎหมาย
กรมศุลกากรจะดำเนินมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามสินค้าผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าทุ่มตลาด สินค้าปลอมแปลงถิ่นกำเนิด และสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน พร้อมเดินหน้าเตรียมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อควบคุมการจำหน่ายของผิดกฎหมาย ซึ่งได้แจ้งไปทางผู้ประกอบการรายใหญ่แล้ว จะมีการประชุมหารือในวันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2568 นี้ เพื่อขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับการนำเข้าสินมาจำหน่าย โดยขอให้ผู้ประกอบการมีการควบคุมสินค้าที่จำหน่ายในแพลตฟอร์มมายังประเทศไทย ต้องเป็นไปตามกฎหมายไทย เช่น สินค้าผิดกฎหมาย สินค้าที่ต้องมีใบอนุญาต
จะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการตรวจสอบสินค้า รวมถึงปรับอัตราการเปิดตรวจสินค้าให้เหมาะสมและเป็นไปตามมาตรฐานสากล

3. Revenue Collector – การจัดเก็บรายได้ของรัฐอย่างเป็นธรรม
กรมศุลกากรจะปรับมุมมองในการจัดเก็บภาษี จากเดิมที่มุ่งเน้นเฉพาะการจัดเก็บอากร ไปสู่การจัดเก็บภาษีทุกประเภทอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต ภาษีเพื่อมหาดไทย หรือภาษีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยกรมจะยกเลิกการกำหนด De minimis value จะไม่มีการต่ออายุสำหรับสินค้าที่มีราคาต่ำกว่า 1,500 บาท ที่จะสิ้นสุด 31 ธันวามคม 2568 นี้ ดังนั้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 สินค้าที่ซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม และมีการนำเข้ามาจากต่างประเทศ ที่มีราคามากกว่า 1 บาทขึ้นไป จะต้องเสียภาษีตามพิกัดภาษีศุลกากรตามกฎหมาย โดยจะให้ทางผู้ประกอบการทำการตรวจสอบข้อมูล คาดว่าหากดำเนินการตามนี้ จะทำให้รัฐสามารถจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งในอนาคตอาจเสนอให้มีการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าผ่านแพลตฟอร์มในอัตราเหมาจ่าย รวมไปถึงจะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าที่ได้รับยกเว้นอากรแต่ยังต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม
นอกจากนี้กรมศุลกากรยังพิจารณาจะยกเลิกการให้รางวัลนำจับสำหรับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร เพื่อลดปัญหาความเข้าใจผิดต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร โดยจะเริ่มก่อนตั้งแต่ระดับซี 8 เป็นต้นไป เนื่องจากมีส่วนได้ส่วนเสียในกรณีที่ต้องพิจารณาความผิดของผู้ประกอบการในกรณีที่มีการถูกจับกุม คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS