สนข.ลงพื้นที่เพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางทางน้ำ หวังให้ประชาชนหันมาใช้บริการมากขึ้น 36.57%

นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของ สนข. ในปี 2565 ว่า จากนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ให้หน่วยงานต่างๆ เร่งเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคม เพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยเป็นไปตาม แผนยุทธศาสตร์ 20 ปี กระทรวงคมนาคม (พ.ศ. 2561 - 2580) ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศไทย โดยที่ผ่านมา สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. ได้ร่วมวางแผนยุทธศาสตร์ฯ และติดตามทุกโครงการทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการดำเนินการ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาคมนาคมขนส่ง สร้างรากฐานการพัฒนาประเทศ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต เสริมขีดความสามารถทางเศรษฐกิจ กระจายความเจริญสู่ภูมิภาคสอดรับทุกยุทธศาสตร์สำคัญอย่างเป็นรูปธรรม โดยในปี 2565 สนข. มีความคืบหน้าโครงการต่างๆ ให้เห็นเป็นรูปธรรมหลากหลายโครงการ เช่น

1) การพัฒนาการเดินทางและการเชื่อมต่อการเดินทางทางน้ำ ที่มีการศึกษาเส้นทางการเดินทางทางน้ำซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 4 เส้นทาง ระยะทาง 65.4 กิโลเมตร มีท่าเรือทั้งสิ้น 103 แห่ง มีจุดเชื่อมต่อการเดินทางในรูปแบบอื่นจำนวน 8 จุด โดยมีแนวทางการพัฒนาการเดินทางทางน้ำ ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (W-Map) ให้เป็นทางเลือกการเดินทางที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ และมีการเชื่อมต่อการเดินทางกับรูปแบบอื่นอย่างไร้รอยต่อ โดยมีป้าหมายพัฒนาเส้นทางทางน้ำให้มีระยะทางเพิ่มขึ้น 131.2 กิโลเมตร พัฒนาท่าเรือเพิ่มขึ้นอีก 97 แห่ง มีจุดเชื่อมต่อการเดินทางในรูปแบบอื่นเพิ่มเป็น 34 จุด ในปี 2570 และเพิ่มเป็น 40 จุด ในปี 2575 โดยคาดว่าเมื่อพัฒนาแล้วเสร็จจะมีประชาชนหันมาใช้บริการเพิ่มขึ้น 36.57%

2) การศึกษาจัดทำโมเดลการพัฒนาระบบเทคโนโลยี เพื่อการบริหารจัดการจราจร โดยปัจจุบัน สนข. ได้ทำการเชื่อมต่อข้อมูลกล้อง CCTV และข้อมูล GPS กับกรุงเทพมหานครและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามสภาพจรจร วางแผนจราจร และแก้ปัญหาจราจรติดขัด

3) การนำบัตร EMV มาใช้กับระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ ปัจจุบันบัตร EMV มีการนำมาใช้กับรถไฟฟ้าสายสีม่วง สายสีน้ำเงิน และสายสีแดงแล้ว และอยู่ระหว่างการวิเคราะห์และประเมินศักยภาพการใช้พลังงานในภาคคมนาคมขนส่งทางบก โดยมีการขยายเส้นทางรถประจำทางของเอกชนจำนวน 10 เส้นทาง ครบจำนวน 328 คัน และจัดทำแผนการดำเนินการลดการใช้พลังงาน ในภาคคมนาคมขนส่งทางบกของประเทศไทย และ สนข. ยังจะผลักดันให้เกิดบริษัทบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม เพื่อให้มีมาตรฐานด้านเทคโนโลยีเดียวกัน และมีอัตราค่าโดยสารร่วมอย่างเป็นธรรม โดย สนข. จะเนผู้กำกับดูแล

4) การพัฒนาสถานีเปลี่ยนถ่ายและกระจายสินค้าของประเทศเชื่อมการขนส่งสินค้าหลายรูปแบบและพัฒนาจุดพักรถบรรทุกบนโครงข่ายถนนสายหลัก ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และพื้นที่ต่อเนื่อง กรุงเทพมหานคร ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการศึกษา สำรวจข้อมูลและพฤติกรรมการขนส่ง จากนั้นจึงนำมาพัฒนา Model การนำมาตรการห้ามรถบรรทุกเข้าพื้นที่เมือง และการใช้ประโยชน์ที่ดิน จัดทําแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม เพื่อรองรับการบังคับใช้มาตรการจํากัดเวลารถบรรทุกเข้าพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

5) โครงการศึกษาการแปลงนโยบายสู่การปฏิบัติแบบบูรณาการด้านคมนาคมและโลจิสติกส์ ในระดับภูมิภาคและประเทศ ปัจจุบัน อยู่ระหว่างประมวลสรุปผลการศึกษาเพื่อจัดทําร่างแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ ระยะที่ 1 (พ.ศ.2566 –2570) และแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2571 – 2580) เพื่อใช้ในการ Workshop กับภาคเอกชน 5 พื้นที่กลุ่มจังหวัด ก่อนพัฒนาเป็น Final Report และแผนปฏิบัติการฯ ขั้นต่อไป

6) โครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบืองต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน (Business Development Model) โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (Landbridge) ซึ่งมีการศึกษามาตั้งแต่ปี 2564 ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดประชุมกลุ่มย่อยครั้งที่ 1 เพื่อนำผลการประชุมมาเป็นข้อมูลในการจัดทำรายงานความก้าวหน้า โดยคาดว่าจะสามารถนำเสนอผลการศึกษาต่อ ครม. ได้ในปี 2566 นี้

สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. ยังคงขับเคลื่อนแผนงานคมนาคม และมุ่งมั่นติดตามทุกโครงการให้ประสบความสำเร็จตามที่กำหนดไว้ เพื่อให้สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี กระทรวงคมนาคม และแผนการพัฒนาที่สำคัญของชาติ เพื่อมุ่งสู่อนาคตการขนส่งที่ยั่งยืน


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment