TVIกำไรQ2โต4เท่า

ประกันภัยไทยวิวัฒน์เผยไตรมาส 2 ปี63กำไรสุทธิพุ่ง 407% มั่นใจครึ่งปีหลังเติบโตดี เตรียมนำ AI อัพระบบ Claim สู่ Automation จับมือพันธมิตรเพิ่มช่องขาย ดันทั้งปีเบี้ยรับแตะ5พันล้าน

นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVI เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2563 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับที่ถือเป็นรายได้สุทธิที่ 1,264 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวมที่เพิ่มชึ้น แตะ 1,325 ล้านบาท ผลจากการเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และการให้บริการที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเชิงรุกผ่านช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง

ขณะเดียวกัน บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ด้วยการนำ Big Data และเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในการบริหารจัดการคัดกรองความเสี่ยงที่แม่นยำขึ้น ส่งผลให้ทางบริษัทสามารถบริหารให้อัตราค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) ลดลงจาก 57.3% ในช่วงเดียวกันปีก่อน เหลือ 52.3% ต่ำสุดในรอบ 10 ปี

พร้อมมีการปรับปรุงโครงสร้างการทำงานเพื่อเพิ่มศักยภาพให้สูงขึ้นเพื่อควบคุมสัดส่วนของค่าใช้จ่ายไม่ให้เป็นเงาตามตัวของเบี้ยประกันภัยรับ โดยใน Q2/63 ทางบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอยู่ที่ 227.6 ล้านบาท ลดลงถึง 5.8% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ทางบริษัทมีผลตอบแทนจากการลงทุนสุทธิสำหรับ Q2/63อยู่ที่ 150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 260 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัท มีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/63 จำนวน 188 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 407% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลัง นายจีรพันธ์ กล่าวว่า บริษัทมั่นใจยังเติบโตดีต่อเนื่องตามแผนงานที่วางไว้ โดยเตรียมระบบ AI เข้ามายกระดับระบบการบริหารงานด้านสินไหมรถยนต์ให้ Automate มากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนการให้บริการ พร้อมเดินหน้าขยายความร่วมมือพันธมิตรเพิ่มช่องทางการขาย จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด และสร้างนวัตกรรมงานด้านบริการใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย ซึ่งจะผลักดันภาพรวมการเติบโตทั้งปี 2563 เป็นไปตามเป้า เบี้ยประกันภัยรับรวมเติบโตแตะ 5,000 ล้านบาท