TKกำไรยังได้อยู่

ฐิติกรเผยทำกำไรครึ่งปีแรก 153.0 ล้านบาท ลดลง 33.5% จาก 230.0 ล้านบาท เพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น คุมคชจ. ใช้ไอทีหวังผลระยะยาว

นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมติงบการเงินสำหรับรอบบัญชีสิ้นสุด 30/6/2563 บริษัท มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,363.2 ล้านบาท ลดลง 29.8% จาก 1,942.2 ล้านบาท กำไรสุทธิ 153.0 ล้านบาท ลดลง 33.5% จาก 230.0 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนช่วงเวลาเดียวกัน โดยในไตรมาส 2/2563 มีกำไรสุทธิ 52.3 ล้านบาท ลดลง 55.3% จาก 117.1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน และรายได้รวม 622.3 ล้านบาท ลดลง 35.3% จาก 962.5 ล้านบาท โดยมีลูกหนี้เช่าซื้อและลูกหนี้เงินให้กู้ยืมสุทธิรวม 5,886.1 ล้านบาท ลดลง 20.9% จาก 7,438.6 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2562 จากนโยบายเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อต่อเนื่องมา 7 ไตรมาส และในไตรมาส 2/2563 ที่ผ่านมา ยังได้มีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 200,000 ราย

โดยผลประกอบการดังกล่าว เป็นการตั้งสำรองโดยใช้มาตราฐานบัญชี TFRS 9 ทั้งนี้ หากบริษัทฯ ตั้งสำรองตามข้อผ่อนปรนการจัดชั้นลูกหนี้ตามแนวปฏิบัติทางการบัญชี บริษัทฯ จะมีกำไรครึ่งปีแรก 256.6 ล้านบาท หรือโตขึ้น 12%

อย่างไรก็ตามยอมรับว่าไตรมาสที่ผ่านมา ธุรกิจส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงลูกค้าบางส่วนของ TK บริษัท จึงได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้า โดยแบ่งเป็น 4 มาตรการหลัก คือ 1) การหยุดพักชำระหนี้ค่างวด 2) การลดยอดผ่อนชำระค่างวดลงให้อยู่ในระดับขั้นต่ำตามที่กำหนด 3) การให้ส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมจากอัตราปกติสำหรับลูกหนี้ที่ต้องการปิดยอดคงค้างของบัญชีก่อนกำหนด และ 4) การให้ความคุ้มครอง Covid-19 สำหรับลูกค้าที่ยังคงชำระค่างวดเต็มได้ตามเดิม ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าโดยส่วนใหญ่ยังมีการชำระเต็มจำนวนเฉลี่ยสูงถึง 74.6% จึงทำให้บริษัท สามารถเก็บค่างวดคิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยสูงถึง 87.4% ในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าที่บริษัทฯ ได้คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมความพร้อมในทุก ๆ ด้าน ในกรณีที่สถานการณ์ดังกล่าวยังคงยืดเยื้อ โดยจะใช้มาตรการที่เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อและการควบคุมคุณภาพลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง ควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่กับการนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งบริหารจัดการแหล่งต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทในระยะยาวต่อไป



ทางด้านนายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK กล่าวเพิ่มเติมว่า ในสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย TK หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าในพอร์ต ควบคู่กับการควบคุมค่าใช้จ่าย และการนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ยังคงควบคุมต้นทุนทางการเงินตามกลยุทธ์ที่กำหนดไว้ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ประกอบกับมีการบริหารจัดการแหล่งต้นทุนทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 นี้ บริษัทฯ มีสถานะเงินสดอยู่ที่ระดับประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีความพร้อมที่จะสามารถนำไปชำระคืนหุ้นกู้ ชำระค่าหุ้นในการซื้อกิจการ MFIL ในประเทศเมียนมา และพร้อมกลับมาเร่งทำตลาดเพื่อขยายตัวในประเทศ เมื่อสถานการณ์ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นทันที

อย่างไรก็ตามแม้ว่าผลประกอบการในประเทศไทยจะหดตัว แต่ผลประกอบการในต่างประเทศของ TK ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนสินเชื่อในต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 22% ณ สิ้นไตรมาส 2 ของปี 2563 โดยมาจากประเทศกัมพูชาเป็นหลักที่ระดับ 19% และคาดว่าสัดส่วนสินเชื่อในต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 30% ในสิ้นปี 2563 นี้


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment