Mr.AEC พากิน ตอน “หมด ไฮ บา โย”

ช่วงปลายปีแบบนี้ หลายคนคงมีโอกาสฉลองกับเพื่อนฝูงและญาติมิตรกันพอสมควร Mr. AEC เลยจะขอเอาเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย เรื่องการดื่มในประเทศต่างๆว่าต่างกับไทยเราอย่างไรบ้างมาเล่าให้รู้กัน

เริ่มที่ญี่ปุ่นกันก่อนเลย เวลาคนญี่ปุ่นเขาสังสรรค์กันไม่ว่าจะเป็นช่วงเทศกาลหรือวันปรกติ คนญี่ปุ่นจะไม่รินเครื่องดื่มให้ ตัวเอง คนอื่นต้องรินให้เรา ดังนั้นเวลานั่งดื่มกันเราต้องคอยสังเกตแก้วคนอื่นและคอยรินให้คนอื่นแล้วก็วางขวดไว้ คนอื่นเขาก็จะคอยรินคืนให้เรา

เวลาชนแก้วคนญี่ปุ่นก็จะถือแก้วด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายก็จะเอามาแตะแขนขวาแสดงความสุภาพในการชนแก้วกัน คำที่ต้องรู้ในการดื่มกับคนญี่ปุ่นก็คือ “คัมปาย” ซึ่งแม้จะมีความหมายว่าหมดแก้ว แต่คัมปายกันแล้วส่วนมากคนญี่ปุ่น เขาจะแค่จิบๆกันเท่านั้น ถ้าอยากจะให้หมดแก้วจริงๆ คนญี่ปุ่นเขาจะบอก “อิ๊กคิ” ซึ่งแปลว่ารวดเดียว

ส่วนคนจีนนั้น Mr.AEC คิดว่าเป็นคนที่ดื่มได้ดุเดือดมากที่สุดเท่าที่เคยได้เจอมา เพราะเวลาพาคณะไปจีน ก่อนจะเริ่มทาน อาหาร หัวหน้าคณะฝั่งจีนจะต้องมาชนแก้ว “กัมเปย” กับหัวหน้าคณะฝั่งไทยแบบ “ตัวต่อตัว” กันสามจอกก่อน พร้อมๆ กับการพูดที่มีความหมายลึกซึ้งกินใจปฏิเสธไม่ลงว่า “สามจอกเพื่อเป็นพี่น้องกัน”

แม้จะเป็นแค่สามจอกก็ต้องระวังอย่างสุดๆ เพราะในจอกนั้นคือ “เหมาไถ” ที่มีดีกรีสูงเกิน 50 ดีกรี ใครคอไม่แข็งละก็ถึง กับพับได้เลย หลังจากสามจอกเพื่อเป็นพี่น้องกันแล้ว หัวหน้าคณะจีนในฐานะเจ้าบ้านก็จะเดินไปหาผู้ร่วมคณะฝั่งไทย ทีละคน มือขวาจะถือจอกเล็กๆมือซ้ายถือกาเล็กๆที่แบ่งเหมาไถใส่เอาไว้ เมื่อเดินไปถึงใครหัวหน้าฝ่ายจีนก็จะรินใส่จอก ของคนนั้นแล้วก็รินใส่จอกตัวเอง พร้อมกัมเปยและดื่มจนหมดจอก

เมื่อหัวหน้าคณะฝ่ายจีนเดินชนจอกกับคณะแขกผู้มาเยือนจนครบ ก็ถึงคราวที่หัวหน้าคณะฝ่ายไทยอย่าง Mr.AEC ที่ต้อง เดินชนจอกกับคณะเจ้าบ้านจนครบบ้างตามมารยาทที่ดี ครั้งแรกที่ต้องทำ แบบนี้ต้องบอกเลยว่าหนักมากเพราะเหตุการณ์ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใน 10 นาทีแรกของงานเลี้ยง เมาสิครับจะเหลืออะไร

พอหัวหน้าคณะทั้งสองฝ่ายชนจอกจนครบคนแล้วก็นั่งประจำที่เริ่มรับประทานอาหารกัน Mr.AEC ก็สบายใจเพราะเริ่มมี อาหารในท้อง แต่ก็สบายใจได้ไม่นานเพราะอีกไม่กี่อึดใจผู้ร่วมคณะจีนก็จะเดินมาชนจอกกับหัวหน้าคณะไทยเพื่อแสดง ความเคารพ Mr.AEC ก็ต้องทานไปชนจอกไป ดังนั้นภายในครึ่งชั่วโมงแรกของงานเลี้ยงนี่ต้องบอกว่าทั้งเมาทั้งมึน

Mr.AEC เลยต้องแอบถามว่าเขาทำอย่างไรถึงดื่มกันได้เก่งจัง คนจีนเฉลยว่าถ้าจะมีงานเลี้ยงรับรองแล้วต้องดื่มกับคณะ ใหญ่ที่ต้อง “กัมเปย” กันเยอะๆนี่ คนจีนเขาจะทานอาหารรองท้องแบบเกือบอิ่มมาจากบ้านมาก่อน เมื่อท้องไม่ว่างก็จะ เมาช้าและเมาน้อยกว่า รู้เคล็ดวิชาแบบนี้แล้ว รับรองคราวหน้าเจอกันคนไทยกัมเปยสู้ได้สบายไม่แพ้คนจีนแน่นอน

ส่วนที่เวียดนาม ใครที่เคยทานอาหารตามร้านคงจะเคยได้ยินโต๊ะข้างๆตะโกนเสียงดังว่า “หมด ไฮ บา โย” แล้วก็ดื่มกัน หมด ไฮ บา นั้นก็ก็คือการนับ 1 2 3 นั่นเอง ส่วนคำว่า “โย” แปลว่าชนแก้ว เป็นเสียงจบที่ฟังดูคึกคักแบบไชโยของบ้านเรา

คนเวียดนามนั้นถือ เป็นธรรมเนียมเลยที่จะต้องดื่มเท่าๆกันดื่มพร้อมๆกันและนิยมดื่มเบียร์กันมากกว่าเครื่องดื่มอื่นๆ ดังนั้นเวลาไปทานอาหารหรือสังสรรค์กัน เขาจะสั่งเบียร์คนละขวด ขวดใครขวดมัน ไม่นิยมรินให้กันแต่จะรินให้ตัวเอง ต่างไปจากญี่ปุ่นหรือจีน เมื่ออยากจะดื่มก็จะยื่นแก้วมากลางวง คนอื่นๆก็จะยื่นแก้วมาแล้วก็จะตะโกน “หมด ไฮ บา โย” เสียงดังๆ ยิ่งดังยิ่งดียิ่งสนุก ตะโกนแล้วก็ดื่มพร้อมๆกัน

โต๊ะอื่นๆเมื่อได้ยินโต๊ะไหน “หมด ไฮ บา โย” ก็จะเอาบ้างและต้องพยายามให้ดังกว่า ที่นั่นเขาถือเป็นเรื่องสนุกที่ได้ ตะโกนโชว์โต๊ะอื่นๆ ทำให้บรรยากาศในร้านกินดื่มในเวียดนามนั้นคึกคักมากกว่าประเทศอื่นๆ เมื่อตอนไปดื่มที่เวียดนาม ใหม่ๆ Mr.AEC ต้องคอยเหลียวหน้าเหลียวหลังตลอดเวลาเพราะ ถ้าตะโกนเกกันไปเกกันมาแบบนี้ในเมืองไทยละก็ รับรองไม่นานมีเรื่องกันอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ที่เวียดนามยังมีร้านเบียร์ที่เรียกว่า “เบียร์เฮย” ที่ขายเบียร์ราคาถูกมากแก้วหนึ่งเพียง 15 บาทเท่านั้น ที่ขายกัน ถูกมากๆเพราะเป็นเบียร์ผสมโซดาดีกรีจึงอ่อนรสชาติก็อ่อนและไม่ขม คนมาดื่มทานร้านเบียร์เฮยนี่เขาจะคุยกันเสียงดัง สุดๆ ใครไปทานร้านแบบนี้นี่ต้องใช้วิธีตะโกนคุยกันอย่างเดียว เพราะแต่ละโต๊ะคุยกันเสียงดังมากๆดังเหมือนคนทะเลาะ กันเลย ตอนไปร้านเบียร์เฮยใหม่ๆต้องหันไปดูโต๊ะข้างๆตลอดเวลาเพราะนึกว่าเขามีเรื่องทะเลาะกัน ยิ่งเวลา “หมด ไฮ บา โย” นี่เสียงยิ่งดังขึ้นไปใหญ่ Mr.AEC เคยพาทีมเข้าไปลองสังสรรค์กันที่ร้านเบียร์เฮยดู พอกลับออกมาผลปรากฎว่า ไม่มีใครเมาแต่เจ็บคอกันทุกคนเลย **


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment