“ลูกชิ้นจัง”คิดเข้าmai

ฟู้ดอโมเม้นท์ปรับทัพรับตลาดแฟรนไชส์สตรีทฟู้ดโต วางแผนพาแบรนด์ “ลูกชิ้นจัง” เข้าเทรด mai ตั้งเป้าขยาย1,000 สาขา เจาะกลุ่มนักเดินทางทั้งไทยและต่างชาติ

นายเจตุบัญชา อำรุงจิตชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟู้ดอโมเม้นท์ จํากัด เปิดเผยว่า บริษัทซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ “ลูกชิ้นจัง” แฟรนไชส์ลูกชิ้นทอดรายแรกในตลาดเมืองไทย มีจุดแข็งในด้านผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและความหลากหลาย รวมถึงระบบการคัดเลือกและบริหารร้านแฟรนไชส์ที่ได้มาตรฐานเดียวกันทุกร้าน ควบคู่ไปกับการสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางการจัดจำหน่ายของพันธมิตรทางธุรกิจ วางแผนระยะยาวเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เพื่อเปิดโอกาสในการแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งรองรับแผนขยายธุรกิจและยกระดับสตรีทฟู้ด (Street Food) ของประเทศไทยให้ก้าวไปสู่ระดับสากล โดยตั้งเป้าหมายขยายฐานลูกค้านักเดินทางทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เพื่อผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 300 ล้านบาท ภายใน 3 ปี หรือมียอดขายรวม 300-400 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นสัดส่วน 30% ของมูลค่าตลาดลูกชิ้นทอด 1,000 ล้านบาท

ปัจจุบันแฟรนไชส์ลูกชิ้นจังมีสาขามากถึง 600 สาขา ครอบคลุมทั้งในห้างสรรพสินค้าชั้นนำและแหล่งชุมชนในจังหวัดต่างๆ อีกทั้ง ยังมีร้านสาขาในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. และห้างสรรพสินค้าถึง 80 สาขา โดยเป็นสาขาที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท มากถึง 30 สาขา เพื่อเป็นสาขานำร่องในการทำตลาดสินค้าใหม่ให้เข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมา บริษัท สามารถสร้างยอดขายผ่านสาขาร้านแฟรนไชส์และสาขาของบริษัทที่ตั้งอยู่ในสถานบริการน้ำมัน ปตท. ได้ถึง 100 ล้านบาทต่อปี ซึ่งบริษัทมีแผนสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อขยายแฟรนไชส์ลูกชิ้นจังเพิ่มจาก 600 สาขา เป็น 1,000 สาขา โดยให้ความสำคัญกับการเปิดสาขาในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. เป็นหลัก ด้วยแนวคิด “การอยู่คู่นักเดินทาง” เพื่อขยายฐานลูกค้าเจาะกลุ่มนักเดินทางเพิ่มมากขึ้น



นอกจากนี้ ยังปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเชิงรุก เน้นความต้องการและการดูแลลูกค้าเป็นหลัก เตรียมแตกไลน์สินค้าและบริการใหม่รองรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุค New Normal ด้วยการเปิด Co-Kitchen Space เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นจากการที่เล็งเห็นร้านสตรีทฟู้ดของผู้เล่นหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในตลาด ว่ายังขาดประสบการณ์ด้านการวางแผนธุรกิจให้ครอบคลุมพื้นที่เพื่อจัดส่ง Delivery ให้กับร้านค้าของตนเอง การมี Co-Kitchen Space จะช่วยตอบโจทย์ปัญหาพวกนี้ได้ เพราะจะเป็นการแบ่งปันทรัพยากรที่จำเป็นร่วมกัน เพื่อลดต้นทุนในการขยายสาขา เพิ่มรายได้ และเปิดบริการ Food Platform แหล่งรวมร้านค้าผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อเชื่อมต่อธุรกิจให้ง่ายขึ้น ลูกค้าสามารถค้นหาและส่งซื้อสินค้าได้สะดวกสบายผ่าน www.lookchinjung.com และ www.foodamoment.com โดยบริษัทฯ จะอำนวยความสะดวกด้านการประสานงาน ติดต่อโรงงานและซัพพลายเออร์ รวมถึงจัดโปรร่วมกัน (Collaboration) ผ่านช่องทางแฟนเพจ foodamoment

นายเจตุบัญชา กล่าวอีกว่า บริษัทยังได้ตั้งหน่วยธุรกิจใหม่เพื่อบริหารจัดการเรื่องเดลิเวอรี่โดยเฉพาะ เนื่องจากสถานการณ์ช่วงการล็อกดาวน์ส่งผลให้ประชาชนไม่ได้ออกจากบ้าน ทำให้ยอดขายผ่านช่องทางปกติลดลง แต่ยอดขายจากการส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ (Delivery) เพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 20% พร้อมเตรียมเปิดสาขาเรือธง (Flagship Store) ในจุดที่สำคัญทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อจัดจำหน่ายเครื่องดื่มและลูกชิ้นทอดในรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อเป็นการเพิ่มประสบการณ์ให้กับลูกค้า (User Experience) และดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาสู่แบรนด์มากขึ้น และยังเป็นศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) ไปยังสาขาในแต่ละจังหวัด เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งโดยตรงจากสำนักงานใหญ่อีกด้วย

ในส่วนของโครงสร้างการทำงานได้มีการปรับการดำเนินการจากเดิมที่เป็นแบบ Top Down คือผู้บริหารจะเป็นผู้ริเริ่มในการเปลี่ยนแปลง แล้วค่อยถ่ายทอดไปยังพนักงาน โดยเปลี่ยนเป็น Bottom – Up Change คือ ให้พนักงานมีส่วนร่วมและรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ รวมทั้งจัดสิ่งแวดล้อมการทำงานที่เอื้อให้พนักงานได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ แบ่งปันไอเดียการทําธุรกิจใหม่ๆ เพื่อต่อยอดไปสู่การเพิ่มยอดขายและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับองค์กรได้ดีที่สุด


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment