“ผยง ศรีวณิช” นักการเงินแห่งปี 2568 Financier of the Year 2025

วารสารการเงินธนาคาร ประกาศรางวัล “นักการเงินแห่งปี 2568 Financier of the Year 2025” ให้กับ นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ด้วยคุณสมบัติของการเป็นนักการเงินแห่งปีครบถ้วนตามหลักเกณฑ์การพิจารณาทั้ง 4 ด้าน เป็นนักการเงินมืออาชีพที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและทันสมัย มีความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ สร้างความเติบโตยั่งยืนให้กับองค์กร รับผิดชอบต่อสังคมและทำคุณประโยชน์ต่อส่วนรวม

วารสารการเงินธนาคาร ได้มอบรางวัลเกียรติยศ นักการเงินแห่งปี Financier of the Year มาเป็นเวลา 43 ปีแล้ว โดยเริ่มครั้งแรกเมื่อปี 2525 ในชื่อเดิมของรางวัล “นายธนาคารแห่งปี” เพื่อยกย่องผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร สถาบันการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน รวมทั้งสถาบันการเงินประเภทอื่นที่มีผลงานโดดเด่น มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ทันสมัย สามารถขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตก้าวหน้าและยั่งยืนในทุกสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งรางวัลนักการเงินแห่งปี ได้รับการยอมรับจากภาครัฐ องค์กรธุรกิจ สถาบันการศึกษาว่าเป็นรางวัลเกียรติยศแห่งความภาคภูมิใจ

ในปีนี้ คณะกรรมการตัดสินรางวัล “นักการเงินแห่งปี” ลงมติเอกฉันท์ มอบรางวัลเกียรติยศ นักการเงินแห่งปี 2568 Financier of the Year 2025 ให้กับ นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ด้วยผลงานที่โดดเด่นผ่านคุณสมบัติการเป็นนักการเงินแห่งปี ตามหลักเกณฑ์ทั้ง 4 ด้านคือ 1. เป็นนักการเงินที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและทันสมัย 2. เป็นนักการเงินมืออาชีพที่มีความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ 3. เป็นนักการเงินที่สร้างความเจริญเติบโตและยั่งยืนให้กับองค์กร 4. เป็นนักการเงินที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและทำคุณประโยชน์ต่อส่วนรวม

นายผยง ศรีวณิช เริ่มงานกับธนาคารกรุงไทย ในตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ก่อนจะเข้ามารับไม้ต่อในตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 ด้วยความเชื่อที่ว่า “ธนาคารกรุงไทย คือยักษ์หลับที่จะทำให้ตื่นได้”

ช่วงเวลาที่ผ่านมา ธนาคารกรุงไทยประสบความสำเร็จในการปฏิรูประบบโครงสร้างสถาปัตยกรรมระบบไอทีครั้งใหญ่ ที่มุ่งเปลี่ยนองค์ประกอบให้สามารถปรับแต่ละส่วน (Modular) ได้ โดยไม่จำเป็นต้องหยุดการดำเนินงานของระบบทั้งหมด (Operation) การปฏิรูปนี้เป็นการทดสอบความรู้ความสามารถที่ซ่อนอยู่ในบุคลากรของธนาคาร นำไปสู่การเรียนรู้ขององค์กรอย่างรวดเร็ว

ธนาคารกรุงไทยได้ผ่านการปรับตัวครั้งใหญ่ใน 3 ระยะสำคัญ ภายใต้แนวคิดในการสร้าง Galaxy of Krungthai เพื่อเปลี่ยนผ่านจากธนาคารแบบดั้งเดิม สู่การเป็นธนาคารที่ตอบโจทย์อนาคตอย่างแท้จริง เฟสแรก - การบริหารจัดการความเสี่ยง โดยเฉพาะพอร์ตสินเชื่อโรงสีข้าวที่เคยมีจำนวนมาก ได้มีการตัดหนี้สูญ (Write-Off) ไปกว่า 70,000 ล้านบาท ปัจจุบันสามารถลดสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อกลุ่มนี้ลงเหลือเพียง ประมาณ 10% เฟสที่สอง - Digital Transformation การวางยุทธศาสตร์เข้าสู่ระบบ Open Finance เปิดแพลตฟอร์มทางการเงินที่เชื่อมโยงกับบริการภาครัฐ ธุรกิจ และประชาชน ผ่าน Krungthai NEXT และ “เป๋าตัง” และ เฟสที่สาม - การขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ หรือ Future Business โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ ทำธุรกิจ Virtual Bank ขยายบทบาทธนาคารดิจิทัล

สำหรับในปี 2568 ธนาคารกรุงไทย ได้ปรับยุทธศาสตร์สำคัญ จาก “ดาว 7 ดวง” ให้เหลือเป็น “ดาว 5 ดวง” โดยลดความซับซ้อนลง เพื่อให้พนักงานและพันธมิตรสามารถเข้าใจและนำไปปฏิบัติได้ง่ายขึ้น ประกอบด้วย 1.สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และผลกำไรจากระบบนิเวศธุรกิจในปัจจุบันของธนาคารอย่างเต็มศักยภาพ 2.สร้างแพลตฟอร์มที่ส่งเสริมการเติบโตในอนาคต 3.ยกระดับการให้บริการลูกค้าทั้งระบบแบบ End to End 4.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีและข้อมูลให้พร้อมสำหรับการก้าวสู่อนาคต และ 5.ขับเคลื่อนวัฒนธรรมและการทำงานรูปแบบใหม่ เพื่อให้พร้อมต่อทุกความท้าทายและทุกการเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ จากแนวคิด “Do Well = Do Good” นายผยงมีเป้าหมายสร้างมูลค่าทางธุรกิจ และประโยชน์ต่อสังคมควบคู่กัน สะท้อนจากสิ่งที่ธนาคารกรุงไทยดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงโควิด ไม่เพียงแค่ช่วยรับมือวิกฤต แต่ยังต่อยอดจนสามารถสร้างมูลค่าและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ให้กับองค์กรได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ ธนาคารได้ปรับอัตราการจ่ายปันผลขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 50% ของกำไรสุทธิ และในปี 2568 ธนาคารยังมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.43 บาทต่อหุ้น นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ให้อยู่ในระดับ Double Digit หรือ 10% ขึ้นไป โดยในปี 2567 ROE อยู่ที่ 10.37 % เพิ่มขึ้นจาก 9.40%ของปีก่อนหน้า

สำหรับบทบาทต่อสังคม ธนาคารกรุงไทยมุ่งมั่นในการช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน และการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส ซึ่งธนาคารกรุงไทยในฐานะผู้ดำเนินการและผู้พัฒนาเทคโนโลยีหลักที่เชื่อมโยงระหว่างภาครัฐ ประชาชน และร้านค้าให้เป็นหนึ่งเดียว ผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” สำหรับประชาชน และแอปพลิเคชั่น “ถุงเงิน” สำหรับร้านค้า โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีส่วนช่วยให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและประชาชนผู้ด้อยโอกาสสามารถเข้าถึงระบบการเงินดิจิทัล โดยธนาคารลงพื้นที่จริงเพื่อช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบาง

นอกจากนี้ ธนาคารยังตระหนักถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนในระดับสูงที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ จึงได้จัดทำ โครงการสินเชื่อรวมหนี้ข้าราชการยั่งยืน เพื่อช่วยเหลือข้าราชการกลุ่มเปราะบางที่มีภาระหนี้สูง โดยมีเป้าหมายเบื้องต้นที่จะช่วยเหลือข้าราชการได้ 50,000 คน รวมวงเงิน 50,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ธนาคารได้ดำเนินการมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถช่วยลดภาระทางการเงินให้แก่ลูกค้าได้มากกว่า 300,000 บัญชี คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวมกว่า 200,000 ล้านบาท

การบริหารธนาคารกรุงไทยภายใต้การนำของ นายผยง ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลและการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยคณะกรรมการธนาคารได้เน้นย้ำให้มีการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของ ความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส เป็นธรรม และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และกฎหมายด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้เสีย โดยขับเคลื่อนองค์กรภายใต้โครงการ “กรุงไทยคุณธรรม” อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ ไม่ทนต่อการทุจริต (Zero Tolerance) และส่งเสริมให้พนักงานเป็น “คนเก่ง คนดี มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม” โดยมีนโยบายต่อต้านการรับ-ให้สินบนและคอร์รัปชั่น (Anti-Bribery and Corruption Policy) ที่ธนาคารถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายที่ไม่สามารถยอมรับให้เกิดขึ้นได้

นอกเหนือจากภารกิจในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย แล้ว นายผยงยังมีบทบาทในการเป็นประธานสมาคมธนาคารไทย ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเมื่อเดือนสิงหาคม 2563 ซึ่งล่าสุดได้ยกระดับบทบาทของสมาคมธนาคารไทยจากภาคบริการธนาคารสู่การมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ โดยเสนอแนวทางขับเคลื่อนประเทศสู่อนาคต ผ่านความร่วมมือใกล้ชิดระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชน ภายใต้แพลตฟอร์ม “Reinvent Thailand” ที่เน้นการมีส่วนร่วม ออกแบบและขับเคลื่อนนโยบายที่ปฏิบัติได้จริง ใช้ข้อมูล (Data-Driven) และผลลัพธ์เป็นตัววัด (Result-Oriented) เพื่อพลิกฟื้นศักยภาพการแข่งขันและใช้เป็น “เข็มทิศ” ให้กับทุกรัฐบาล

ทั้งหมดนี้ สะท้อนถึงความเป็นนักการเงินมืออาชีพของนายผยงที่วาง “รากฐาน” หรือ Foundation ให้กับ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ที่ไม่เพียงให้บริการทางการเงิน แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึง รวมถึงการยกระดับบทบาทของสมาคมธนาคารไทย สู่การมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและขับเคลื่อนประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment