บลจ.พรินซิเพิล ดีเดย์ 1 เมษายน 2563เปิดตัว 3 กองทุนเพื่อการออม SSF

นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนพรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวกองทุนรวมเพื่อการออม (SFF) 3 กอง ได้แก่ 1. กองทุนเปิดพรินซิเพิล เซ็ท 50 อินเด็กซ์เพื่อการออม หรือ Principal SET50 Index Super Savings Fund (PRINCIPAL SET50SSF) โดยมีนโยบายลงทุนแบบ Passive Management บนดัชนีอ้างอิง SET 50 ในลักษณะ Fully replicate เป้าหมายเพื่อทำผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ให้ได้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงไปตลอด กองทุนนี้จะมีให้เลือก 2 รูปแบบ ได้แก่ ชนิดเพื่อการออมพิเศษ Super Savings Fund Extra Class (PRINCIPAL SET50SSF-SSFX) และชนิดเพื่อการออม (PRINCIPAL SET50SSF-SSF) เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ในวันที่ 1-10 เมษายน 2563

2. กองทุนเปิดพรินซิเพิล ไทย ไดนามิก อินคัม อิควิตี้ ชนิดเพื่อการออม หรือ Principal Thai Dynamic Income Equity Fund SSF (PRINCIPAL TDIF-SSF) มีนโยบายลงทุนตามคอนเซปต์ Smart Dividend เลือกหุ้นที่จ่ายปันผลระดับที่เหมาะสม และบริหารเงินทุนแบบ Total Return เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เน้นลงทุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ Defensive เพื่อลดผลกระทบด้านความผันผวนของตลาดหุ้น โดยกำหนดเกณฑ์คัดเลือกหุ้นที่ลงทุน อาทิ เป็นบริษัทที่มีการกำกับดูแลที่ดีและได้รับ CG Score 3 ดาวขึ้นไป มีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงกว่าตลาด มีกระแสเงินสดที่ดี ฯลฯ เพื่อคัดเลือกหุ้น 25-30 หลักทรัพย์ที่จะเข้าลงทุน กองทุนนี้เป็นการเปิดเสนอขายชนิดเพื่อการออม (Class SSF) เริ่มเสนอขายหน่วยลงทุนตั้งแต่ 1 เมษายน 2563 เป็นต้นไป

และ 3. กองทุนเปิดพรินซิเพิล เอ็นแฮนซ์ พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์เฟล็กซ์ อินคัม ชนิดเพื่อการออม หรือ Principal Enhanced Property and Infrastructure Flex Income Fund SSF (PRINCIPAL iPROPEN-SSF) จุดเด่นของกองทุนฯ คือเน้นลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ในอสังหาริมทรัพย์คุณภาพดีที่มีรายได้ค่าเช่ามั่นคงและกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อสร้างรายได้สม่ำเสมอและโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำถือเป็นปัจจัยบวกต่อสินทรัพย์กลุ่มนี้ กองทุนนี้เป็นการเปิดเสนอขายชนิดเพื่อการออม (Class SSF) เริ่มเสนอขายหน่วยลงทุนตั้งแต่ 1 เมษายน 2563 เป็นต้นไป

ทั้งนี้บริษัทต้องการเป็นส่วนหนึ่งร่วมส่งเสริมประชาชนออมเงินในระยะยาวเพิ่มขึ้น ผ่านกองทุนรวมเพื่อการออมหรือ Super Savings Fund (SSF) เพื่อรับผลประโยชน์อย่างเต็มที่ในการได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีผ่านการซื้อหน่วยลงทุน ซึ่งกองทุน SSF ดังกล่าวมี 2 รูปแบบ ได้แก่ 1.กองทุนเพื่อการออมพิเศษหรือ Super Savings Fund Extra Class (SSFX) ระยะเวลาถือครองหน่วยลงทุน 10 ปี (นับจากวันที่ซื้อหน่วยลงทุน) สามารถซื้อหน่วยลงทุนได้ตั้งแต่เดือนเมษายน – มิถุนายน 2563 โดยมีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท (ไม่รวมกับวงเงินซื้อหน่วยลงทุนกองทุน SSF แบบปกติ) และสามารถสลับกองทุนได้เฉพาะกองทุน SSF พิเศษ หรือกองทุน SSF ที่มีนโยบายการลงทุนสอดคล้องกับกองทุนต้นทาง และ/หรือเป็นไปตามมติครม.เท่านั้น

2. กองทุนเพื่อการออมหรือ Super Savings Fund Class (SSF) มีระยะเวลาถือครองหน่วยลงทุน 10 ปี (นับจากวันที่ซื้อหน่วยลงทุน) โดยจะซื้อหน่วยลงทุน SSF กองใดก็ได้ในปี 2563-2567 ทั้งนี้ กองทุน SSF สามารถลงทุนในหลักทรัพย์ทุกประเภท สามารถหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท แต่เมื่อรวมกับวงเงินหักลดหย่อนรวมในกองทุนรวมเพื่อการเกษียณอื่นๆ แล้วสามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 500,000 บาทต่อปีภาษี และในระยะเวลา 10 ปีที่ถือครองหน่วยลงทุนสามารถสับเปลี่ยนไปยังกองทุน SSF กองอื่นได้


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment