{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (Automotive and Tyre Testing, Research and Innovation Center - ATTRIC) จังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมยืนยันเตรียมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ ปี 2570
“ปัจจุบันประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการผลิตยานยนต์ โดยอยู่ในอันดับที่ 10 ของโลก และเป็นอันดับที่ 1 ของภูมิภาคอาเซียน ด้านการส่งออกยางล้อรถยนต์ ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 2 ของโลก ศูนย์ ATTRIC จึงเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นเป้าหมายของการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย “ฝ่า ฟัน ดึง ดัน” ของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากผู้ผลิตยานยนต์ ชิ้นส่วน และยางล้อ และเป็นสถานที่รองรับการทดสอบ และวิจัยด้านยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้า และยางล้อระดับโลก โดยคาดการณ์ว่า จะสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศไทยปีละกว่า 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังกระจายเม็ดเงินในพื้นที่โดยรอบไม่ต่ำกว่า 148 ล้านบาทต่อปี สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว
นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ATTRIC มีความคืบหน้าในการก่อสร้างแล้วกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 2,683 ล้านบาท กระทรวงอุตสาหกรรม ได้วางแนวทางในการดำเนินงาน โดยผลักดันให้ ATTRIC เป็น "โครงสร้างพื้นฐานทางปัญญา" (Knowledge Infrastructure) เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ให้เป็นศูนย์กลางการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของภูมิภาคอาเซียน ดังนี้ ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวบรวมและถ่ายทอดความรู้ด้านการทดสอบ เพื่อสร้างบุคลากรทักษะสูง รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต และที่สำคัญ คือ ลดเวลาและค่าใช้จ่าย ในการส่งผลิตภัณฑ์ไปทดสอบในต่างประเทศของผู้ประกอบการไทย รวมทั้งยังสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการเข้าถึงเครื่องมือทดสอบที่มีคุณภาพสูงมาตรฐานสากล ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างดีที่สุด ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว
นายเอกนิติ รมยานนท์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้ก่อสร้างสนามทดสอบแล้วเสร็จจำนวน 5 สนาม ได้แก่ 1) สนามทดสอบยางล้อตามมาตรฐาน UN R117 2) สนามทดสอบระบบเบรกมือ 3) สนามทดสอบการยึดเกาะถนนขณะเข้าโค้ง 4) สนามทดสอบระบบเบรก และ 5) สนามทดสอบพลวัต ซึ่งยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 1 สนาม คือ สนามทดสอบความเร็วและสมรรถนะ โดยพร้อมเปิดให้บริการอย่างครบวงจรได้ในปี 2570
ด้านการกำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบยางล้อ ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อรองรับการดำเนินงานของศูนย์ทดสอบฯ สมอ. ได้กำหนดมาตรฐานแล้วจำนวน 19 มาตรฐาน เช่น เสียงจากยางล้อที่สัมผัสผิวถนน การยึดเกาะถนนบนพื้นเปียกและความต้านทานการหมุน มลพิษทางเสียงของจักรยานยนต์ จุดยึดเข็มขัดนิรภัยฯ เข็มขัดนิรภัย แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า สถานีชาร์จรถไฟฟ้า กระจกนิรภัย การป้องกันผู้โดยสารเมื่อเกิดการชนจากด้านหน้าของยานยนต์ เป็นต้น
ปัจจุบันศูนย์ทดสอบฯเริ่มให้บริการทดสอบแก่ผู้ประกอบการแล้วตั้งแต่ปี 2562 โดยมีมูลค่าการทดสอบรวมกว่า 189 ล้านบาท และขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาแนวทางการบริหารงานศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติที่เหมาะสม เพื่อให้การบริหารงานมีความคล่องตัว และรองรับการให้บริการผู้ประกอบการในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS