{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) เปิดงบไตรมาส 2/68 สุดร้อนแรง รายได้ 5,401.6 ล้านบาท เติบโต 72.1% กำไรสุทธิ 211.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109.8% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มั่นใจรายได้ปีนี้สร้างสถิติ All Time High ตามแผน พร้อมเดินหน้านำ TEBP เข้า mai ปลายปีนี้ สร้างโอกาสการขยายธุรกิจในอนาคตแบบยั่งยืน
นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (TEGH) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.68) กลุ่มบริษัทฯมีรายได้รวม 5,401.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,263.6 ล้านบาท หรือ 72.1% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 3,137.9 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 211.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110.7 ล้านบาท หรือ 109.8% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 100.8 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ทั้ง 3 สายธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ น้ำมันปาล์มดิบ และพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ รวมถึงมียอดขายยางแท่งตามมาตรฐาน EUDR เข้ามาเสริม โดยสัดส่วนรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติอยู่ที่ 86% ธุรกิจจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ 13% และธุรกิจพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ 1%
สำหรับในงวดหกเดือนแรกปี 2568 มีรายได้รวม 11,068.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,229.2 ล้านบาท หรือ 61.8% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 6,839.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 387.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 223.3 ล้านบาท หรือ 135.9% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 164.2 ล้านบาท
กรรมการผู้จัดการ TEGH กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2568 มีทิศทางที่สดใส และมีโอกาสสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมียอดขายยางแท่งมาตรฐาน EUDR ที่เติบโตตามเป้าหมาย ธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบยอดขายเพิ่มขึ้นและกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้ ธุรกิจพลังงานทดแทนฯ ที่สามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่นจากการขยายกำลังการผลิตไปเมื่อปลายปีที่แล้ว นอกจากนี้ ยังพร้อมเดินหน้านำบริษัทย่อยคือ บริษัท ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (TEBP) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปลายปีนี้ ภายใต้วิสัยทัศน์ Leading Green Energy Revolution: Pioneering the Net Zero Solution เพื่อสร้างโอกาสเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ การส่งออกสินค้ายางแท่งไปยังสหรัฐฯ ไม่ได้รับผลกระทบทางตรงจากมาตรการขึ้นภาษี "Reciprocal Tariffs" ในอัตรา 19% ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2568 แต่อย่างใด เนื่องจากยางแท่งอยู่ในรายชื่อสินค้าที่ได้รับการยกเว้น อีกทั้ง TEGH มีฐานลูกค้ากระจายตัวทั่วทุกทวีป รวมถึงยังมีอุปสงค์ของยางแท่งมาตรฐาน EUDR ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลบริษัทฯในปีนี้ ทั้งในเชิงของปริมาณขายและอัตรากำไร
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS