{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
ออริจิ้นแตก 6 บริษัทย่อยลุย 6 ธุรกิจเปิดกลยุทธ์ “Open for Growth, Open Platform” แตกแบรนด์บ้านจัดสรร Belgravia ลุยตลาดลักชัวรี่ปักหมุดจังหวัดใหญ่ เป้าเปิดโครงการใหม่ปี 63 กว่า 20,000 ล้าน
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ได้แตกบริษัทย่อยออกมา 6 กลุ่มบริษัท เพื่อเดินหน้าใน 6 ประเภทธุรกิจ ประกอบด้วย 1.บริษัท ออริจิ้น คอนโดมิเนียม จำกัด นำโดย นายเกรียงไกร กรีบงการ ดำเนินธุรกิจพัฒนาคอนโดมิเนียมกลุ่มสมาร์ทคอนโด มีแบรนด์หลักคือ ดิ ออริจิ้น (The Origin) 2.บริษัท พาร์ค ลักชัวรี่ จำกัด นำโดย นายสิริพงศ์ ศรีสว่างวงศ์ ดำเนินธุรกิจพัฒนาคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ มีแบรนด์หลักคือ ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge) และพาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) 3.บริษัท บริทาเนีย จำกัด นำโดย นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ดำเนินธุรกิจพัฒนาบ้านจัดสรร มีแบรนด์หลักคือ บริทาเนีย (Britania)
4.บริษัท ออริจิ้น อีอีซี จำกัด นำโดย นายอรุช ช่างทอง ดำเนินธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในแถบเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) 5.บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด นำโดย นายปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์ ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม พื้นที่ค้าปลีก สำนักงานให้เช่า โครงการมิกซ์ยูส และ 6.บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่ครบวงจร
นอกจากการปฏิรูปโครงสร้างองค์กรแล้ว บริษัทได้วางอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการสร้างการเติบโต คือ กลยุทธ์ “Open for Growth, Open Platform” เปิดรับพันธมิตรในหลากหลายรูปแบบมาร่วมเป็นคู่คิด เติมเต็มโนว์ฮาว เพิ่มขีดความสามารถซึ่งกันและกันในการสร้างสรรค์นวัตกรรมในที่อยู่อาศัย พื้นที่เชิงพาณิชย์ และบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ เชื่อมโยงและสร้างความแข็งแกร่งระหว่างหลากหลายประเภทธุรกิจ จนเกิดเป็นระบบนิเวศธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Ecosystem)
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ช่วง 5 ปีแรกของทศวรรษที่ 2 ของออริจิ้น จะผลักดันให้ทุกบริษัทในเครือสามารถเติบโตไปจนถึงระดับท็อปของประเภทธุรกิจนั้นๆ โดยมีแผนดำเนินธุรกิจใหม่ๆ หลากหลายเรื่อง อาทิ การพัฒนาแบรนด์บ้านจัดสรรระดับลักชัวรี่ เบลกราเวีย (Belgravia) ขึ้นในปี 2563 เพื่อเจาะตลาดผู้ต้องการบ้านหรูระดับ 10-35 ล้านบาท รวมถึงการกระจายการพัฒนาโครงการไปยังจังหวัดเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ นครปฐม สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง หลังจากสามารถทำให้ทุกบริษัทในเครือก้าวขึ้นสู่ระดับท็อปแล้ว บริษัทอาจพิจารณาการลงทุนในกลุ่มประเภทธุรกิจใหม่ๆ ที่ไม่ใช่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ (Beyond Property) ต่อไป
สำหรับแผนธุรกิจในปี 2563 บริษัทจะให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างภายในองค์กร สร้างรากฐานการเติบโตของทุกประเภทธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจัยภายนอก จึงจะเปิดตัวโครงการใหม่ในกลุ่มที่อยู่อาศัยทั้งสิ้น 14 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการกลุ่มสมาร์ทคอนโดมิเนียม แบรนด์ดิ ออริจิ้น 2 โครงการ มูลค่ารวม 4,200 ล้านบาท โครงการกลุ่มลักชัวรี่คอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่ารวม 2,300 ล้านบาท โครงการกลุ่มบ้านจัดสรร10 โครงการ มูลค่ารวม 12,100 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งแบรนด์บริทาเนีย และแบรนด์ใหม่ 3 แบรนด์ ได้แก่ แกรนด์บริทาเนีย ไบรตัน และเบลกราเวีย โครงการกลุ่มอีอีซี 1 โครงการ มูลค่ารวม 1,400 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์เดอะ แฮมป์ตัน (The Hampton) ในศรีราชา
ขณะเดียวกัน บริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ทั้งสิ้น 21,500 ล้านบาท และสร้างรายได้รวมได้ทั้งสิ้น 16,000 ล้านบาท โดยมาจากทั้งธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย ธุรกิจบริการ และธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในปีนี้เป็นปีแรก
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS