SSPทำนิวไฮกำไร

เสริมสร้าง พาวเวอร์เผยปี 62 มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น23% ทุบสถิติใหม่ บอร์ดไฟเขียวปันผล 0.11 บ./หุ้น-แจกวอร์แรนต์ฟรีให้ผู้ถือหุ้น พร้อมลุยพลังงานลมเพิ่มอีก 48 MW ในเวียดนาม

นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SSP) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2562 เป็นไปตามแผนทุกประการ โดยรายได้โต 30.6% จากการเริ่มขายไฟในโรงไฟฟ้าในเวียดนาม 49.6 เมกะวัตต์ ในเดือนมิถุนายน และโรงไฟฟ้าในมองโกเลีย 16.4 เมกะวัตต์ ในเดือนกรกฎาคม ปี 2562 ที่ผ่านมา ทำให้ขณะนี้มีโรงไฟฟ้าที่ขายไฟแล้ว 6 โรง รวมกำลังการผลิตติดตั้งที่ 157 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ ในปี 2562 กำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมรายการพิเศษ FX) สร้างสถิติสูงสุดใหม่อยู่ที่ 613 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เทียบปีก่อน และมีกำไรสุทธิที่เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 545 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16%

นอกจากนี้ คณะกรรมการยังมีมติอนุมัติการลงทุนในโครงการพลังงานลมในเวียดนามจำนวน 48 เมกะวัตต์ ที่เคยแจ้งตลาดฯไว้ช่วงเดือนกันยายน ปี 2562 ว่าเรากำลังพัฒนา โดยขณะนี้โรงไฟฟ้าได้รับอนุมัติ PPA แล้ว พร้อมเริ่มก่อสร้างทันที โดยโครงการดังกล่าวมีกำหนด COD ในปี 2564 ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ ในการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนของบริษัทไปสู่พลังงานลมจากปัจจุบันที่มีการลงทุนในโรงไฟฟ้าโซล่าเพียงชนิดเดียว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP กล่าวอีกว่า ส่วนแผนในปี 2563 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้โตเกิน 20% และกำไรสร้างสถิติสูงสุดใหม่เหมือนเดิม ปีนี้โรงไฟฟ้าในมองโกเลียและเวียดนามทั้งสองโรงรวม 66 เมกะวัตต์ ที่เข้ามาช่วงกลางปีที่แล้วจะรับรู้เต็มปี รวมทั้ง โรงไฟฟ้า ยามากะ จำนวน 34.5 เมกะวัตต์ จะเริ่มรับรู้ช่วงกลางปีนี้ เชื่อว่าจะทำให้ผลประกอบการเป็นไปตามแผน

ขณะที่แผนการดำเนินงานในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า บริษัทได้วางเป้าหมายว่าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 400 เมกะวัตต์ หรือ 3 เท่าจากที่ขายไฟอยู่ในปัจจุบันมีโรงไฟฟ้า (รวมเฉพาะสัดส่วนที่ SSP ถือ) ขายไฟแล้ว 139 เมกะวัตต์ โครงการที่กำลังพัฒนาอื่นๆ รวมโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เพิ่งอนุมัติในครั้งนี้ และอีก 118 เมกะวัตต์ จะทยอยขายไฟใน 3 ปีข้างหน้าทั้งหมด ยังเหลืออีกประมาณ 200 เมกะวัตต์ ที่เราจะหาลงทุนเพิ่มเติมในช่วง 3-5 ปีนี้

อนึ่ง คณะกรรมการบริษัทมีมติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.11 บาท และการออกวอร์แรนต์ให้กับผู้ถือหุ้น 230.5 ล้านหน่วย ที่ราคาแปลงสิทธิ 10 บาท โดยเงินที่ได้จากการแปลงสิทธิ จะมีเพื่อการลงทุนในโครงการใหม่ๆ ที่ยังไม่ประกาศออกมาในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า แต่ไม่เกี่ยวกับทุกโครงการที่กำลังพัฒนาอยู่ซึ่งมีเงินทุนพร้อมอยู่แล้ว


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment