{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
ในที่สุด การส่งเสริมให้ประชาชนรักการปลูกต้นไม้ สามารถนำต้นไม้มาขอค้ำประกันสินเชื่อได้แล้ว เป็นการยกระดับธนาคารต้นไม้ ที่ดำเนินการกันมานาน
นายศรายุทธ ธรเสนา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้จัดสินเชื่อให้แก่เกษตรกร 2 รายที่เป็นลูกค้าของธนาคาร และสมาชิกของสถาบันการเงินชุมชน
ที่ปลูกต้นไม้ภายใต้โครงการธนาคารต้นไม้ บ้านหนองจิก ตำบลหนองยาง อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี เป็นอีกหนึ่งชุมชนที่ดำเนินงานตามหลักการธนาคารต้นไม้มาตั้งแต่ปี 2554
โครงการธนาคารต้นไม้ มีชุมชนเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อน เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาพึ่งพาตนเอง ปลูกไม้ยืนต้นบนที่ดินของตนเองและของชุมชน อันเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มในที่ดิน เปรียบเสมือนการออมทรัพย์หรือการลงทุนในระยะยาวที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนใดๆ มีความเสี่ยงน้อย สามารถช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้สิน ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความยากจน และยังช่วยเพิ่มพื้นที่ป่า อันนำไปสู่การสร้างความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 18 กันยายน 2561 ที่รัฐบาลเห็นชอบให้มีการดำเนินโครงการส่งเสริมการปลูกไม้มีค่าผ่านชุมชนทั่วประเทศ 20,000 แห่ง หรือ 2.6 ล้านครัวเรือน ภายใน 10 ปี เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าในประเทศ 26 ล้านไร่
ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ได้ร่วมกับกรมป่าไม้ สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (สพภ.) องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำหนดขั้นตอนและหลักเกณฑ์ในการประเมินมูลค่าต้นไม้เพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ โดยกำหนดอายุต้นไม้ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ปลูกในที่ดินของตนเอง โดยที่ดิน 1 ไร่ รับขึ้นทะเบียนไม่เกิน 400 ต้น ซึ่งในการวัดมูลค่าจะต้องมีกรรมการและสมาชิกธนาคารต้นไม้รวมกันอย่างน้อย 3 คน ร่วมประเมินมูลค่าต้นไม้เป็นรายต้น ที่ความสูงจากโคน 130 เซนติเมตร มีขนาดเส้นรอบวงต้นไม่ต่ำกว่า 3 เซนติเมตร แล้วเปรียบเทียบเส้นรอบวงที่วัดได้กับตารางปริมาณและราคา เนื้อไม้เพื่อหามูลค่าต้นไม้ ตามกลุ่มที่จำแนกไว้ 4 กลุ่ม
สำหรับมูลค่าต้นไม้แต่ละต้น สามารถนำมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันโดยใช้เป็นส่วนควบในการเพิ่มวงเงินจดทะเบียนจำนองที่ดินได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของราคาประเมินมูลค่าต้นไม้ เช่น ที่ดินราคาประเมิน 500,000 บาท ปกติกู้ได้ร้อยละ 50 ของราคาประเมินคือ 250,000 บาท กรณีมีต้นไม้ที่ประเมินมูลค่าไว้จำนวน 300,000 บาท ซึ่งจะสามารถนำมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้อีกร้อยละ 50 หรือ 150,000 บาท รวมหลักทรัพย์ค้ำประกัน 650,000 บาท โดยปกติกู้ได้ร้อยละ 50 % ของวงเงินที่กู้ได้เท่ากับ 325,000 บาท เพิ่มจากเดิม 75,000 บาท
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS