ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจากความไม่สงบในตะวันออกกลาง และมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 65-75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 65-75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (13 – 19 มิ.ย. 68)

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง และการเจรจานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ ที่ยังมีความไม่แน่นอน ในขณะที่กลุ่มโอเปกเพิ่มกำลังการผลิตต่ำกว่าที่ตลาดคาดใน เดือน พ.ค. 68 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการประชุม G7 ที่จะมีการหารือเรื่องมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังถูกกดดันจากความไม่แน่นอนด้านภาษีสหรัฐฯ และการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันโลก ขณะเดียวกัน ตลาดคาดเฟดยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมในการประชุมเดือน มิ.ย. 68

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้

• ตลาดจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น หลังเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยว่าอิสราเอลได้เปิดฉากใช้ปฏิบัติทางอากาศโจมตีอิหร่าน ส่งผลให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางมีความตึงเครียดมากขึ้น โดยปฏิบัติการโจมตีนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนของการเจรจานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ รอบที่ 6 ที่จะจัดขึ้นวันที่ 15 มิ.ย. นี้ ทั้งนี้ สถานการณ์ตึงเครียดดังกล่าว อาจส่งกระทบต่ออุปทานน้ำมันของอิหร่าน

• สำนักข่าวรอยเตอร์เผยว่า สมาชิกกลุ่มโอเปกปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือน พ.ค. 68 น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยสมาชิกกลุ่มโอเปก 5 ประเทศอย่าง แอลจีเรีย อิรัก คูเวต ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่มการผลิตน้ำมัน 180,000 บาร์เรลต่อวันในเดือน พ.ค. 68 น้อยกว่าข้อตกลงของกลุ่มสมาชิกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 310,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากอิรักและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ผลิตต่ำกว่าแผนที่กำหนดเพื่อชดเชยการผลิตเกินโควตาในช่วงที่ผ่านมา

• ตลาดจับตาการประชุมสุดยอด G7 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 16-17 มิ.ย. 68 ซึ่งจะมีการหารือเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมจากกรณีความขัดแย้งในยูเครน โดยล่าสุด คณะกรรมาธิการยุโรปเสนอมาตรการคว่ำบาตรรอบที่ 18 โดยมุ่งเป้าไปที่รายได้จากพลังงาน ธนาคาร อุตสาหกรรมทางทหารของรัสเซีย รวมถึงเพิ่มการขึ้นบัญชีกองเรือเงาที่ลักลอบขนส่งน้ำมันรัสเซียและบริษัทค้าน้ำมันรัสเซีย นอกจากนี้ ยังเสนอให้ลดเพดานราคาน้ำมันดิบของรัสเซียจาก 60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเหลือ 45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

• อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจโลกและอุปสงค์น้ำมันโลกยังคงเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนด้านมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ โดยล่าสุด ธนาคารโลกปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 68 ลงสู่ระดับ 2.3% ลดลงจากการคาดการณ์ก่อนหน้าใน เดือนม.ค.ที่ 2.7% ขณะเดียวกัน รายงานเดือน มิ.ย. 68 ของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA)ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตของอุปสงค์น้ำมันโลกปี 68 ลง 2 แสนบาร์เรลเทียบกับเดือนก่อนหน้า มาเติบโตอยู่ที่ระดับ 8 แสนบาร์เรลในปีนี้ และปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกปี 69 มาเติบโตอยู่ที่ระดับ 1.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงจากคาดการณ์เดือนก่อนหน้าราว 3 หมื่นบาร์เรล

• ตลาดคาดธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับเดิมที่ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 มิ.ย.นี้ หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร เดือนพ.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 139,000ตำแหน่ง มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 130,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.2% ด้านดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน พ.ค. 68 ที่เป็นตัวสะท้อนอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น 0.1% มาอยู่ที่ระดับ 2.4% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 2.5% โดยข้อมูลจาก CME Fed Watch Tool คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ โดยคาดว่าจะลดลงครั้งละ 0.25% ในการประชุมเดือน ก.ย. 68 และ ธ.ค. 68 ตามลำดับ

• ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนียอดค้าปลีก เดือน พ.ค. 68 ดัชนีราคาสินค้านำเข้า เดือน พ.ค. 68 ดัชนีภาคการผลิตอุตสาหกรรม เดือน พ.ค. 68 ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดเฟีย เดือน มิ.ย. 68 และการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน ได้แก่ อัตราการว่างงาน เดือน พ.ค. 68 ดัชนีภาคอุตสาหกรรมการผลิต เดือน พ.ค. 68 ผลผลิตอุตสาหกรรมของจีนตั้งแต่ต้นปี เดือน พ.ค. 68 และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดีของธนาคารจีน เดือน มิ.ย. 68 และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือน พ.ค. 68 ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจจากสถาบัน ZEW เดือน มิ.ย.68 และค่าจ้างในเขต ยูโรโซนไตรมาส 1/68

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (6 มิ.ย. - 12 มิ.ย. 68)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 4.67 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 68.04 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 4.02 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 69.36 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 68.71 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังราคาได้รับแรงหนุนจากการที่จีนและสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงกรอบการทำงานด้านการค้า โดยมีเป้าหมายเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้าและแก้ไขข้อจำกัดด้านการส่งออกแร่หายากและแม่เหล็กของจีน ขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบในรัสเซีย-ยูเครนยังคงตึงเครียดภายหลังกองทัพอากาศยูเครนแถลงว่ารัสเซียโจมตีฐานทัพอากาศของยูเครนด้วยโดรนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มเกิดขึ้นกว่า 3 ปี ส่งผลให้สนามบินทหารทางตะวันตกของประเทศได้รับความเสียหายบางส่วน ขณะเดียวกัน เม็กซิโกได้มีการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดหรือยกเลิกมาตรการภาษีนำเข้าเหล็กจากเม็กซิโกในอัตรา 50% ขณะที่ทางด้านสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 6 มิ.ย. 68 ปรับลดลง 3.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 432.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลงราว 2.0 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ดี สำนักงานศุลกากรจีนรายงานปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบในเดือน พ.ค. 68 ลดลง 3% เทียบเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 10.97 ล้านบาร์เรลต่อวันเนื่องจากโรงกลั่นในจีนปิดซ่อมบำรุงในเดือน พ.ค. 68 นอกจากนี้ Platts คาดว่าคาซัคสถานจะส่งออกน้ำมันดิบชนิด CPC Blend ในเดือน ก.ค. 68 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากการขยายกำลังการผลิตจากแหล่งผลิต Tengiz 950,000 บาร์เรลต่อวัน


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment