{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้า 18 มีนาคม 2568 ที่ระดับ 33.58 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 33.59 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 33.57-33.66 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง ตามการจังหวะการปรับตัวลงเร็วของราคาทองคำ (XAUUSD) หลังเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น ตอบรับรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนกุมภาพันธ์ ที่แม้จะปรับตัวขึ้นเพียง +0.2% จากเดือนก่อนหน้า ต่ำกว่าที่ตลาดคาด แต่หากหักผลของยอดขายน้ำมันและรถยนต์ (Core Retail Sales) เพิ่มขึ้น +0.5% ดีกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย อย่างไรก็ดี เงินบาทก็อ่อนค่าได้ไม่นาน หลังเงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร (EUR) และเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ที่ได้แรงหนุนจากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินยุโรป ท่ามกลางความหวังว่า การเจรจายุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน อาจดำเนินต่อไปได้ นอกจากนี้ เงินบาทยังได้แรงหนุนจากการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำกลับสู่โซน 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังเงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง
บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทยอยเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น หลังยอดค้าปลีกเดือนกุมภาพันธ์ ยังคงขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า ขณะเดียวกัน บรรยากาศในตลาดการเงินยังพอได้แรงหนุนจากความหวังว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนอาจมีแนวโน้มจบลงได้ ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับถูกกดดันบ้าง จากการปรับตัวลงของหุ้นเทคฯ ใหญ่ อย่าง Tesla -4.8%, Nvidia -1.8% ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.64%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.79% หนุนโดยความหวังว่ารัฐบาลเยอรมนีจะสามารถปฏิรูปกฎเกณฑ์การกู้เงินของรัฐบาลได้สำเร็จ นอกจากนี้ บรรยากาศในตลาดการเงินยุโรปยังได้แรงหนุนจากความหวังว่า การเจรจายุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนมีแนวโน้มดำเนินต่อไปได้และนำไปสู่การยุติสงครามได้ในที่สุด
ในส่วนตลาดบอนด์ แม้ว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะออกมาผสมผสาน (ดัชนีภาคการผลิตโดยเฟด นิวยอร์ก ออกมาแย่กว่าคาดมาก ขณะที่ยอดค้าปลีกยังคงขยายตัวได้) แต่บรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวแถวระดับ 4.30% นอกจากนี้ บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างยังไม่รีบปรับสถานะถือครองบอนด์ จนกว่าจะรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟด ในวันพฤหัสฯ นี้ (ตามเวลาประเทศไทย) ทั้งนี้ เราคงประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจเสี่ยงปรับตัวสูงขึ้นได้บ้าง หากผู้เล่นในตลาดปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งต้องติดตามทั้งรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ และผลการประชุม FOMC ของเฟด เดือนมีนาคม ที่จะถึงนี้ ทำให้เราคงแนะนำให้บรรดาผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาว เน้นกลยุทธ์ Buy on Dip โดยไม่ไล่ราคาซื้อ ในจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวลดลง
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย ในลักษณะ Sideways Down แม้ว่าจะแข็งค่าขึ้นบ้างในช่วงแรก จากรายงานยอดค้าปลีกพื้นฐาน (Core Retail Sales) ที่ออกมาดีกว่าคาดเล็กน้อย แต่ว่า เงินดอลลาร์ก็ยังคงถูกกดดันจากทั้งภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินและการแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร (EUR) รวมถึง เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) จากความหวังว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครนอาจยุติลงได้ อนึ่ง เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนบ้าง หลังเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) อ่อนค่าลงเหนือโซน 149 เยนต่อดอลลาร์ ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยง ทำให้โดยรวมเงินดอลลาร์ย่อลงสู่โซน 103.5 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 103.3-103.7 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ บรรยากาศเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ของตลาดการเงิน และแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาด ยังคงจำกัดการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. 2025) แม้ว่า ราคาทองคำจะพอได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ก็ตาม ทำให้โดยรวมราคาทองคำยังคงแกว่งตัวแถวโซน 3,000-3,010 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนี (ZEW Economic Sentiment) เดือนมีนาคม ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากความหวังรัฐบาลเยอรมนีปฏิรูปการกู้เงินของรัฐบาล เปิดทางไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่
ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) เดือนกุมภาพันธ์ และรายงานข้อมูลตลาดบ้าน รวมถึงคาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีนี้ โดย เฟด สาขา Atlanta (GDPNow)
และในฝั่งเอเชีย ช่วง 6.30 น. ตามเวลาประเทศไทยของเช้าวันพุธ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามยอดการค้าระหว่างประเทศ (Exports & Imports) ของญี่ปุ่น ในเดือนกุมภาพันธ์
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาท (USDTHB) อาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways ไปก่อน โดยมีโซนแนวรับแถว 33.50-33.60 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วน อย่าง ฝั่งผู้นำเข้าก็รอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ ในช่วงจังหวะเงินบาทแข็งค่าทดสอบโซนแนวรับดังกล่าว อีกทั้ง เราประเมินว่า ราคาทองคำก็อาจเสี่ยงย่อตัวลงบ้าง เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ เพิ่มเติม และบรรยากาศในตลาดการเงินก็เริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) กดดันหรือจำกัดการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำได้ นอกจากนี้ เรามองว่า ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติในตลาดทุนไทย ก็ยังมีความผันผวนอยู่ ดังจะเห็นได้จากการทยอยขายบอนด์จากบรรดานักลงทุนต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ฝั่งหุ้นก็ยังไม่เห็นแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติที่ชัดเจน
และที่สำคัญ เรามองว่า บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลัก ซึ่งจะเริ่มจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันพุธที่จะถึงนี้ ตามด้วยผลการประชุม FOMC ของเฟด
อนึ่ง หากเงินบาทอ่อนค่าลงบ้าง การอ่อนค่าก็อาจเป็นไปอย่างจำกัดแถวโซนแนวต้านแรก 33.70-33.80 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม
ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.50-33.75 บาท/ดอลลาร์
พูน พานิชพิบูลย์
นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน
Krungthai GLOBAL MARKETS
ธนาคารกรุงไทย
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS