{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ร่วมกับองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาคเพื่อพัฒนาศักยภาพนิคมอุตสาหกรรมให้ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตั้งเป้าสร้างความร่วมมือในอาเซียน เพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน
นายเอกภัทร วังสุวรรณ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวในระหว่างเป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างศักยภาพระดับภูมิภาคนิคมอุตสาหกรรมที่ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยระบุว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ตระหนักถึงบทบาทสำคัญที่ภาคอุตสาหกรรมมีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง การบูรณาการการดำเนินงานด้านความยั่งยืนระหว่างหน่วยงานจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ซึ่งการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ อก. ร่วมกับ กนอ. และ UNIDO เพื่อเป็นเวทีสำหรับการแบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ระหว่างประเทศสมาชิกในอาเซียน และภูมิภาคอื่นๆ ในด้านแนวทางการปฏิบัติที่ดีในการบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมสู่ความยั่งยืน รวมถึงกลไกทางการเงิน การรับมือ และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) รักษาการผู้ว่าการ กนอ.กล่าวว่า ปัจจุบัน กนอ. และภาคอุตสาหกรรมอยู่ในจุดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นมีผลกับเราทุกคน ความท้าทายที่เกิดขึ้นนี้ นำไปสู่การตั้งเป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน ซึ่งจำเป็นต้องมีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อสร้างเศรษฐกิจใหม่ที่ตอบโจทย์นักลงทุน ในการสร้างเศรษฐกิจอุตสาหกรรมบนพื้นฐานการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่ง กนอ. มีรูปแบบการทำงานเพื่อขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรม ให้สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการความร่วมมือกับพันธมิตรในระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ
อย่างไรก็ตาม กนอ. ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้โดยลำพัง ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่มุ่งมั่นไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 3 วันของการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ จะกล่าวถึงประเด็นสำคัญต่างๆ เช่น แนวโน้มด้านความยั่งยืน การประเมินความเสี่ยง และแนวปฏิบัติที่ดีในการบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรม เพื่อกำหนดอนาคตของนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยและภูมิภาคร่วมกัน โดยอาศัยความร่วมมือระดับภูมิภาคและนานาชาติเพื่อสร้างระบบนิเวศทางอุตสาหกรรมให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน
นางฟาตู ไฮดารา (Fatou Haidara) รองผู้อำนวยการใหญ่และกรรมการผู้จัดการ สำนักความร่วมมือระดับโลกและความสัมพันธ์ภายนอก (Deputy to the Director General and the Managing Director of the Directorate of Global Partnerships and External Relations) แห่งองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) เปิดเผยว่า UNIDO มุ่งมั่นส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมและยั่งยืน โดยตระหนักว่าอุตสาหกรรมไม่เพียงเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนหลักธรรมาภิบาล UNIDO จึงให้ความสำคัญกับการบูรณาการ 3 มิติหลัก ได้แก่ มิติเศรษฐกิจ มิติสังคม และมิติสิ่งแวดล้อม เข้ากับการให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคแก่ประเทศสมาชิก โดยเน้นย้ำว่านิคมอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจพิเศษต่างเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายดังกล่าว
นางฟาตู ไฮดารา ได้กล่าวชื่นชมประเทศไทยในฐานะที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงภาคอุตสาหกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมเน้นย้ำว่าความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นรากฐานสำคัญของความสำเร็จ โดยผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้ ถ่ายทอดเทคโนโลยี และแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดี นอกจากนี้ความร่วมมือดังกล่าวยังช่วยระดมทรัพยากรทางการเงินและเทคนิคที่จำเป็นต่อการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น UNIDO ตระหนักถึงความแตกต่างของการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในแต่ละภูมิภาค และความต้องการมาตรฐานที่เป็นสากล จึงได้พัฒนาแนวทางระหว่างประเทศสำหรับนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงกรอบการทำงานระหว่างประเทศสำหรับนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน และดึงดูดการลงทุนผ่านนิคมอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจพิเศษ ทั้งนี้ การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ จะเป็นเวทีสำคัญสำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้และเสริมสร้างศักยภาพร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิก แม้แต่ละประเทศจะมีบริบทและความต้องการที่แตกต่างกัน แต่ความร่วมมือนี้จะช่วยสร้างแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมและยั่งยืน พร้อมสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้กับทุกประเทศสมาชิกอย่างแท้จริง
สำหรับการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาคเพื่อพัฒนาศักยภาพนิคมอุตสาหกรรมให้ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในครั้งนี้ มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์ และแนวปฏิบัติที่ดี นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการร่วมกำหนดทิศทางของการพัฒนา เช่น การกำหนดนโยบายที่มีประสิทธิภาพ การออกแบบและพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน รวมถึงการปรับตัวและกลยุทธ์การลดผลกระทบจากสภาพอากาศ โดยกำหนดจัดขึ้นเป็นระยะเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 10 – 12 มีนาคมนี้ มีผู้เข้าร่วมงานจำนวนกว่า 60 คน โดยเป็นผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมจากหลายประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม ผู้พัฒนาที่ประสบความสำเร็จจากการปรับเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีสีเขียวจากประเทศจีน มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วย และในวันที่ 12 มีนาคม 2568 คณะจะลงพื้นที่เยี่ยมชมนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้เสริมสร้างความเข้าใจในแนวทางการบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมสู่ความยั่งยืน
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS