บอร์ด COCOCO ไฟเขียวลงทุน ตั้งโรงงานในฟิลิปปินส์ หนุนกำลังผลิตกะทิแตะ 1.55 แสนตัน

คณะกรรมการ COCOCO มีมติอนุมัติโครงการลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ มูลค่า 430 ล้าน รองรับการผลิตสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์กะทิ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ระบุกำลังการผลิตกะทิจะเพิ่มเป็น 155,000 ตันต่อปี จากเดิม 99,000 ตันต่อปี พร้อมคาดเริ่มผลิตและสร้างรายได้เชิงพาณิชย์ภายใน Q1/69 หนุนการเติบโตต่อเนื่อง

ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO เปิดเผยว่า คณะกรรมการของบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 มีมติอนุมัติโครงการลงทุนในประเทศฟิลิปินส์ มูลค่าประมาณ 430 ล้านบาท เพื่อรองรับการผลิตสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์กะทิ ให้สอดคล้องกับกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้น และตอบสนองต่อยอดคำสั่งซื้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ภายหลังการลงทุนโครงการดังกล่าว จะทำให้กำลังการผลิตสูงสุดของผลิตภัณฑ์กะทิเพิ่มขึ้นจากเดิม 99,000 ตันต่อปี เป็นประมาณ 155,000 ตันต่อปี ซึ่งการตัดสินใจลงทุนครั้งนี้ เพื่อเข้ามาช่วยสนับสนุนต่อการขยายยอดขายในสหรัฐฯ และยุโรป ให้สามารถแข่งขันได้ ประกอบกับ เป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยการขยายกำลังการผลิตครั้งนื้จะส่งผลเชิงบวกต่อการเติบโตของธุรกิจ

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะดำเนินการลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ผ่านบริษัทย่อยที่จะจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นใหม่ ภายใต้ชื่อ “Novococonut” ซึ่งได้มีการทำสัญญาเช่าพื้นที่ระยะยาวเป็นระยะเวลา 25 ปี ใน Anflo Industrial Estate (AIE) เพื่อก่อสร้างอาคารโรงงานสำหรับไลน์การผลิต ผลิตภัณฑ์กะทิและส่งออกสินค้าดังกล่าวให้แก่ลูกค้าของบริษัทฯ รวมถึงลงทุนในอาคาร เครื่องจักร และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ โดยบริษัทฯ คาดว่าการก่อสร้างอาคารโรงงานและการติดตั้งเครื่องจักรจะแล้วเสร็จและเริ่มเปิดดำเนินการผลิตได้ประมาณไตรมาสที่ 1 ปี 2569 และเริ่มรับรู้รายได้เชิงพาณิชย์

ดร.วรวัฒน์ กล่าวต่อว่า โครงการลงทุนในประเทศฟิลิปินส์ จะทำให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากการลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ ช่วยให้สามารถเข้าถึงแหล่งผลิตมะพร้าวที่มีต้นทุนต่ำ สามารถควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น ช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขัน เนื่องจากบริษัทฯ สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าในกรอบความร่วมมือต่าง ๆ เช่น ASEAN Free Trade Area (AFTA) และบริษัทฯ มีแผนให้บริษัทย่อยของบริษัทฯ ที่จะจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นใหม่ขอรับสิทธิประโยชน์จากสิทธิพิเศษในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (PEZA) ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งหากได้รับการอนุมัติดังกล่าวจะทำให้บริษัทฯ สามารถใช้ประโยชน์จากจากสิทธิพิเศษในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (PEZA) เช่น การยกเว้นภาษีนำเข้าอุปกรณ์ การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และการสนับสนุนอื่น ๆ

นอกจากนี้ การลงทุนตั้งโรงงานในประเทศฟิลิปปินส์เป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทฯ สามารถนำส่งวัถตุดิบน้ำมะพร้าวกลับมายังประเทศไทย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบ เสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน และเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ

สำหรับการเข้าทำรายการครั้งนี้ บริษัทฯ จะใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมสถาบันการเงินสัดส่วน 90% และกระแสเงินสดภายในบริษัทฯ สัดส่วน 10% โดยบริษัทฯ คาดว่าจะจดทะเบียนจัดตั้งแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ปี 2568 โดยบริษัทฯ จะถือหุ้นในสัดส่วน 100%


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment