{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
บีโอไอ ร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์โรงงาน ‘อินฟินีออน’ ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์อันดับ 1 ของเยอรมนี ตัดสินใจเลือกไทยฐานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ประเภท Power Module สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบกักเก็บพลังงาน และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด เป็นแห่งที่ 3 ในโลก ต่อจากเยอรมนีและจีน คาดว่าจะเปิดดำเนินการต้นปี 2569 พร้อมจัดตั้งศูนย์วิจัยและประกาศแผนความร่วมมือด้านบุคลากร เสริมแกร่งซัพพลายเชน ยกระดับไทยสู่ฐานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำระดับโลก
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor Advanced Packaging) ประเภท Power Module ซึ่งเป็นเซมิคอนดักเตอร์ที่ใช้ในอุปกรณ์ควบคุมระบบไฟฟ้า ที่จังหวัดสมุทรปราการ ของบริษัท อินฟินีออน เทคโนโลยีส์ (ประเทศไทย) ในเครือ Infineon Technologies AG ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี โดยมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ของโลก สำหรับผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่ให้กำลังไฟในงานอุตสาหกรรม (Power Electronics) อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิต Power Module รายแรกของโลกด้วย
โรงงานผลิต Power Module ของอินฟินีออนในประเทศไทยแห่งนี้ ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จและพร้อมเปิดดำเนินงานในช่วงต้นปี 2569 โดยเน้นป้อนให้กับกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบกักเก็บพลังงาน และกลุ่มอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาดเป็นหลัก นอกจากนี้ บริษัทจะลงทุนสร้าง “ศูนย์วิจัยและพัฒนาสำหรับผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์” เพื่อใช้สนับสนุนการดำเนินงานในโครงการ รวมถึงบริษัทในเครือที่อยู่ในภูมิภาคเอเชีย อีกทั้งยังมีแผนถ่ายทอดความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยทำความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัย เพื่อพัฒนาบุคลากรด้านเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศไทย และช่วยยกระดับประเทศไทยสู่ฐานการผลิตอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในระดับโลก
นายรุ๊ทเกอร์ วิจบูร์ก กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ จากบริษัท อินฟินีออน เทคโนโลยีส์ กล่าวว่า การก่อสร้างโรงงานเซมิคอนดักเตอร์แห่งใหม่ของอินฟินีออนในประเทศไทยในครั้งนี้ ถือเป็นการขยายฐานผลิตครั้งใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและกระจายความหลากหลายของฐานผลิตรองรับความต้องการของตลาดในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะในด้านพลังงานสะอาด และอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อปกป้องสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS