{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
KCC งวด9 เดือน ปี 2567 กระแสเงินรับรวมพุ่ง119%มาอยู่ที่424ล้านบาท ผลงาน งวด 9 เดือนแรกปี 67 โชว์กำไร 56 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวม 197 ล้านบาท ลุยลงทุนซื้อหนี้ NPL เข้าพอร์ตเพิ่ม 463 ล้านบาท ดันพอร์ตมีมูลค่ากว่า 1,998 ล้านบาท
นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไนท คลับ แคปปิตอล โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ KCC เปิดเผยว่า บริษัทมีความสามารถ ในการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและรักษาสภาพคล่องที่ดีเห็นได้จาก เงินรับรวมที่เพิ่มเข้ามาต่อเนื่อง โดยงวด9เดือน แรกของปี 2567 มีเงินรับรวม 424 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119%เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 193ล้านบาท
ส่วนงวดไตรมาส3 อยู่ที่ 202 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117 % เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 93 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 74% จากไตรมาสก่อนหน้าที่ 116 ล้านบาท ซึ่ง เงินรับรวมที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่มาจาก NPL คิดเป็นสัดส่วน 94% ของเงินรับทั้งหมด และเป็นเงินรับชำระหนี้จากลูกหนี้ปรับโครงสร้างหนี้ ของลูกหนี้ธุรกิจ รวมทั้งจากการรับเงินจากการขายหลักประกันในกรมบังคับคดีร
สำหรับผลดำเนินงานในงวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานรวม 197ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้น ส่วนงวดไตมาส 3 มีรายได้ 66 ล้านบาทลดลง 6% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 70 ล้านบาท
“ รายได้ของ KCC เติบโตจากการ ขยายพอร์ตลูกหนี้ NPLs โดย 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯลงทุนในพอร์ตใหม่แล้วทั้งสิ้น 463 ล้านบาท ทำให้ ณ กันยายน 2567 พอร์ตลูกหนี้ของบริษัทฯ มีมูลค่ากว่า 1,998 ล้านบาท “ นายทวี กล่าวอย่างไรก็ตามในส่วนของกำไรสุทธิ งวด 9เดือน มีกำไรสุทธิ 56 ล้านบาท ลดลง 21%เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 71 ล้านบาท และ ไตรมาส 3 มีกำไรสุทธิรวม 17 ล้านบาท ลดลง 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 21 ล้านบาท เป็นผลจาก ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นเพราะบริษัทได้ออกหุ้นกู้เพื่อนำเงินมาลงทุนซื้อหนี้ NPL โดยงวด 9เ ดือนออกหุ้นกู้ 431ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากดูจากเงินรับบริษัทสามารถจัดการบริหารลูกหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้เงินรับเพิ่มกว่า 117% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมเท่ากับ 2,713 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2566 จำนวน 402 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17% โดยมีสาเหตุหลักมาจาก เงินสดและรายการเทียบเท่า เพิ่มขึ้น 186 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตของสภาพคล่องที่ดี การเพิ่มขึ้นนี้มาจากการไหลเข้าของเงินสดจากการดำเนินงาน
สำหรับทิศทางในอนาคตบริษัทมุ่งมั่นที่จะรักษาการเติบโตของรายได้โดยเฉพาะจากรายได้ดอกเบี้ย และเร่งการบริหารจัดการลูกหนี้ และทรัพย์สินรอการขายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไรให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายทางการเงินที่เพิ่มขึ้นยังคงเป็นประเด็นที่สำคัญ และบริษัทมุ่งเน้นในการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยผ่านการจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพเพื่อช่วยให้บริษัทมีการเติบโตอย่างยั่งยืน สามารถสร้างมูลค่าในระยะยาวได้ และรักษาผลกำไรให้เติบโตได้แม้ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนได้
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS