บลจ. ยูโอบี นำเสนอกองทุน UUSA เปิดโอกาสการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ขาย 17-24 กันยายน 2567

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด (“บลจ. ยูโอบี”) เปิดตัว กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ยูเอส โกรท ฟันด์ (UUSA) อีกหนึ่งความร่วมมือกับธนาคาร ยูโอบี จำกัด (มหาชน) นำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนต่างประเทศให้กับลูกค้าของธนาคารยูโอบี กับโอกาสการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ด้วยภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงแข๊งแกร่ง โดยกองทุนจะเปิดเสนอขายครั้งแรก 17-24 กันยายน 2567

นางสาวรัชดา ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการอาวุโส สายพัฒนาธุรกิจ บลจ. ยูโอบี กล่าวว่า “ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีความแข็งแกร่งและเติบโตได้ต่อไป จากปัจจัยสนับสนุนด้านการบริโภคภายในประเทศ ตลาดแรงงานที่คลายความตึงตัว กำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กลับมาฟื้นตัวตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และอัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไร (PE Ratio) ที่สะท้อนมูลค่าหุ้นสหรัฐฯ มีการเติบโตที่กระจายตัว จึงเป็นโอกาสในการคัดสรรหุ้น โดยเฉพาะหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตและมีราคาที่เหมาะสม เพื่อแสวงหาโอกาสรับผลตอบแทนจากหุ้นสหรัฐฯ”

ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้เติบโตต่อเนื่องในไตรมาสสอง โดยอัตราการเติบโตแท้จริง (Real GDP) ขยายตัวในอัตรา 3.0% ต่อปี เพิ่มขึ้นจาก 1.4% ในไตรมาสหนึ่ง โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายด้านการบริโภค การลงทุนในสินค้าคงคลัง การลงทุนภาคเอกชน สำหรับตัวเลขอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline CPI) ในเดือนมิถุนายน ปรับตัวขึ้น 3.0% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 3.1% โดยเป็นผลมาจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ราคาแก๊สโซลีน ที่ปรับลดลงมาจากเดือนก่อนหน้า สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ปรับตัวขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 3.4% โดยเป็นผลมาจากราคารถมือสอง และราคารถบรรทุกที่ลดลงจากเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ Fed ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์เงินเฟ้อ Core PCE หรือ ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ Fed ให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นดัชนีที่ครอบคลุมการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนด้วย โดยในปี 2567 และปีหน้า 2568 เป็น 2.8% และ 2.3% จากเดิมที่ 2.6% และ 2.2% แต่ยังคงประมาณการณ์เงินเฟ้อสำหรับปี 2569 ไว้ที่ระดับเดิมที่ 2.0%

จากผลสำรวจผู้บริโภคสหรัฐฯ มีการวางแผนที่จะใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าจำเป็นที่อยู่ในหมวดพลังงาน และอาหารสด ตามการคาดการณ์ว่าจะมีคนเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อน และด้วยความสามารถในการฟื้นตัวส่วนใหญ่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางด้านงบการเงินของบริษัท มาตรการสนับสนุนจากรัฐบาล และความต้องการเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจมีทิศทางขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในปี 2568

มีการคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในดัชนี S&P 500 ยังคงเติบโตได้ต่อไปโดยในปี 2567 ที่ 11% และปี 2568 ที่ 14% และปี 2569 ที่ 11% ทั้งนี้ อัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไร (PE Ratio) ของหุ้นสหรัฐฯ ซื้อขายอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว (5 ปี) จากที่ก่อนหน้านี้ราคาหุ้นขนาดใหญ่ได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี การปรับตัวของ PE Ratio ของแต่ละหุ้นสหรัฐฯ มีความแตกต่างกัน จึงเป็นโอกาสในการคัดสรรหุ้น โดยเฉพาะหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตและมีราคาที่เหมาะสม เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนส่วนเพิ่มได้

นายกิดอน เจอโรม เคสเซล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์เงินฝากและบริหารการลงทุนบุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้ดีในช่วงครึ่งปีแรก แม้จะเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ส่งผลให้นักลงทุนไทยมีความสนใจในการลงทุนต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ด้วยความร่วมมือของเรากับ บลจ. ยูโอบี และ J.P. Morgan Asset Management นำเสนอกองทุนเปิด ยูไนเต็ด ยูเอส โกรท ฟันด์ (UUSA) ให้เฉพาะลูกค้าธนาคารยูโอบีนั้น ถือเป็นการตอบสนองเชิงกลยุทธ์ต่อแนวโน้มนี้ โดยการเปิดตัวกองทุนนี้จะช่วยเพิ่มทางเลือกในการลงทุนในต่างประเทศที่หลากหลาย ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินและความเสี่ยงที่นักลงทุนแต่ละท่านยอมรับได้”

กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ยูเอส โกรท ฟันด์ (UUSA) ซึ่งมีระดับความเสี่ยงกองทุน 6 - เสี่ยงสูง เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ ชื่อ JPMorgan Funds – US Growth Fund ชนิดหน่วยลงทุน JPM US Growth I (acc) – USD (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน กองทุนหลักจัดตั้งและบริหารจัดการโดย JPMorgan Asset Management (Europe) S.à r.l และจัดตั้งตามระเบียบของ UCITS (Undertakings for Collective Investment in Transferable Securities) ซึ่งจดทะเบียนที่ประเทศลักเซมเบิร์ก ภายใต้การกำกับดูแลของ Commission de Surveillance du Secteur Financier (CSSF)

กองทุนหลักเน้นการคัดเลือกหุ้นรายตัว เพื่อนำไปสร้างพอร์ตโฟลิโอที่มีการกระจายการลงทุนที่เหมาะสม โดยใช้หลักการวิเคราะห์ด้านปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental) และการวิเคราะห์แบบ Bottom-up Approach หรือเป็นการวิเคราะห์บริษัทเพื่อเลือกหุ้นหรือบริษัทเป้าหมายที่สนใจ พิจารณาบริษัทเป้าหมายที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีความสามารถในการเติบโตของรายได้หรือกำไรสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และทำการวิเคราะห์ภาพรวมอุตสาหกรรม และ/หรือตลาด และ/หรือภาพรวมเศรษฐกิจเพื่อพิจารณาลงทุนในหุ้นของบริษัทเป้าหมายให้สอดคล้องกับภาพรวมอุตสาหกรรม และ/หรือตลาด และ/หรือภาพรวมเศรษฐกิจในขณะนั้น และคัดเลือกการลงทุนในบริษัทที่มีการคำนึงถึงปัจจัย ESG ด้วยกลยุทธ์การลงทุนดังกล่าว ส่งผลให้ผลดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนหลักได้รับการจัดอันดับ Overall Rating 5 ดาว และสำหรับระยะเวลา3 ปี, 5 ปี, 10 ปี ประเภท US Large-Cap Growth Equity (ที่มา www.morningstar.co.uk ณ 31 สิงหาคม 2567)


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment