EVT เร่งเพิ่มพันธมิตร เพิ่มสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนในประเทศไม่น้อยกว่า 50%

บริษัท รถไฟฟ้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ EVT ขยายลงทุนในชิ้นส่วนภาคบังคับสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า เดินหน้ารุกเพิ่มการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศเพื่อรับกับนโยบายภาครัฐในการเพิ่มสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศหรือ Local Content ไม่น้อยกว่า 50% rพร้อมหาพันธมิตรเพิ่ม

นายกฤศ โกษานันตชัย กรรมการผู้จัดการ EVT ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายรถพลังงานไฟฟ้า 100% แห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้ยี่ห้อ “EVT” เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีนโยบายเร่งหาพันธมิตรผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติม ทดแทนการนำเข้าเพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนในประเทศให้เพิ่มขึ้นตามนโยบายรัฐบาลพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

“เราถือเป็นผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้ารายแรกของประเทศไทยเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา เราออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณมาอย่างต่อเนื่องภายใต้แบรนด์ EVT แต่สิ่งที่เราเล็งเห็นความสำคัญคือการพัฒนาคุณภาพชิ้นส่วนในประเทศร่วมกับพันธมิตรของ EVT มาตลอด 30 ปี โดยเฉพาะช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าพัฒนาภาคการผลิตเพื่อให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับภูมิภาคนี้ ทำให้รัฐบาลได้ออกนโยบายด้านภาษีเพื่อสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าหรือ EV 3.0 และ EV 3.5 ทำให้ภาคการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าเริ่มเห็นศักยภาพของตลาดยานยนต์ไฟฟ้า” นายกฤศ กล่าว

จากสถิติการจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าเมื่อปี พ.ศ. 2566 มียอดจดทะเบียนของยานยนต์ไฟฟ้าทั้งสิ้น 76,539 คันเพิ่มขึ้น 695.9% เมื่อเปรียบเทียบกับยอดจดทะเบียนในปี พ.ศ. 2565 ที่มียอดจดทะเบียน 9,619 คัน และรถโดยสารไฟฟ้าและรถบรรทุกไฟฟ้าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 - 2566 มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 2,697 คัน ซึ่งในปัจจุบันยอดขายยานยนต์ไฟฟ้ายังคงเติบโตแบบก้าวกระโดด

ที่ผ่านมา EVT พบปัญหาในการหาชิ้นส่วนในประเทศอย่างมากเพราะตลาดยานยนต์ไฟฟ้ายังใหม่มากสำหรับประเทศไทยในขณะนั้น ทำให้ EVT จำเป็นต้องนำเข้าชิ้นส่วนต่าง ๆ เพื่อนำมาประกอบยานยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ EVT แต่ด้วยนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลในการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ทำให้ EVT กำหนดนโยบายเพิ่มการใช้ชิ้นส่วนในประเทศจากปัจจุบันที่ใช้อยู่ โดยมีเป้าไม่น้อยกว่า 50% ในเร็ว ๆ นี้

ขณะเดียวกัน EVT ได้เร่งศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนชิ้นส่วนที่สำคัญสำหรับภาคการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าได้แก่แบตเตอร์รี่ มอเตอร์ เป็นต้น “เราสนใจที่จะลงทุนเพิ่มเติมควบคู่กับการเร่งหาพันธมิตรเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่เรามีอยู่หลายราย ทั้งนี้เพราะเรามีประสบการณ์อย่างยาวนานในตลาดนี้ อีกทั้งตลาดยังมีความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าอีกมากเพราะกระแสการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้ภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจไทยไม่อาจละเลยถึงกระแสนี้ไปได้


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment