AutoX สนับสนุนเป้าหมายกลุ่ม SCBX เปลี่ยนผ่านสู่ Net Zero

ออโต้ เอกซ์ (AutoX) ผู้ให้บริการสินเชื่อที่มีทะเบียนเป็นหลักประกัน ภายใต้แบรนด์ “เงินไชโย” มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนของกลุ่ม SCBX เพื่อช่วยบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) จากการดำเนินงาน ภายในปี 2030 และจากการให้สินเชื่อและการลงทุน ภายในปี 2050 โดยเริ่มจากการปรับการดำเนินงานภายในองค์กรของ AutoX ผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีด้านการเปลี่ยนแปลง

AutoX ดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นเพื่อช่วยปลดล็อกความเครียดจากภาระทางการเงินให้กับคนไทยโดยเฉพาะกลุ่มที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินในระบบ (underserved) ด้วยบริการสินเชื่อจำนำทะเบียน ภายใต้แบรนด์ “เงินไชโย” โดยยึด 3 แกนหลักสำคัญ “เข้าใจ – เข้าถึง – พึ่งได้” ช่วยสร้างจุดต่างและความสามารถในการแข่งขัน พร้อมยึดมั่นในแนวนโยบายหลักการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างเคร่งครัด ปัจจุบัน AutoX เปิดให้บริการแล้วกว่า 2,008 สาขา ทั่วประเทศ ช่วยเพิ่มโอกาสและการเข้าถึงสินเชื่อในระบบให้กับคนไทยกว่า 310,000 ราย ซึ่งนอกจากการเป็นผู้นำด้านการให้บริการสินเชื่อที่เข้าถึงง่ายแล้ว บริษัทยังตระหนักถึงบทบาทความรับผิดชอบต่อสังคม หรือ Assisting Community “สร้างคุณค่า แก่ชุมชน” โดยคำนึงถึงส่วนรวม พร้อมทั้งร่วมสร้างสรรค์ชุมชน และสังคมที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นหนึ่งในค่านิยมหลักขององค์กร ปูทางสู่การเป็นผู้นำด้าน Net Zero ในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียน เพื่อช่วยสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนของกลุ่ม SCBX

เพื่อเป็นการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม บริษัทได้เริ่มทยอยปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้พลังงานที่สาขาเงินไชโยเป็นพลังงานทางเลือก เพื่อช่วยลดการพึ่งพาจากแหล่งที่ไม่ยั่งยืน และเป็นการลดต้นทุนในระยะยาว โดยในปี 2023 ที่ผ่านมามีการนำร่องติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ (Solar Rooftop) ที่สาขาจำนวน 222 สาขา และในปี 2024 จะติดตั้ง Solar Rooftop เพิ่มอีก 200 สาขา นอกจากนี้ บริษัทยังมีการติดตั้งไฟส่องสว่างหน้าสาขา (Solar Cell) แล้วทั้งสิ้นกว่า 2,008 สาขา ซึ่งเมื่อรวม Solar Rooftop และ Solar Cell แล้ว ภายในปี 2024 บริษัทจะสามารถช่วยลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ได้ทั้งสิ้นกว่า 1,300 ตัน

จากข้อมูลของชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทยพบว่า ขยะพลาสติกเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอันดับต้นๆ ของโลก โดยในปี 2022/2023 พบว่าประเทศไทยมีขยะประมาณ 25.7 ล้านตัน แบ่งเป็นขยะพลาสติก ราว 1.2 ล้านตัน/ปี ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นขยะพลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง (Single-Use) ด้วยเหตุนี้ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกจากขวดน้ำดื่ม ในปี 2022 บริษัทจึงมีการริเริ่มนำขวดน้ำดื่ม PET Recycle ขนาด 600 มิลลิลิตร จำนวนกว่า 467,850 ขวด มารีไซเคิลเพื่อผลิตเป็นเส้นใยผ้าและแปลงสภาพเป็นเสื้อสำหรับพนักงานสาขาเงินไชโย ได้กว่า 31,190 ตัว ซึ่งสามารถช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกจากการทำธุรกิจตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ควบคู่กับการสร้างความตระหนักเรื่องความยั่งยืน และส่งเสริมการใส่ใจสิ่งแวดล้อมให้แก่ผู้สวมใส่อีกด้วย

นอกจากนี้ บริษัทยังมีนโยบายการใช้วัสดุจากธรรมชาติ อาทิ ใช้กระดาษผลิตจากเยื่อกระดาษหมุนเวียน (กระดาษรีไซเคิล) ที่ช่วยลดการตัดต้นไม้ใหม่ในการทำธุรกรรมต่างๆ รวมถึงลดการใช้งานเอกสารรูปแบบกระดาษ (Paperless) ในงานเอกสารต่างๆ ในสำนักงานใหญ่ และการทำสัญญากับลูกค้าสำหรับสาขาทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นการช่วยประหยัดพลังงาน และทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยกระตุ้นให้เกิดการพัฒนารูปแบบการทำงานให้เป็นระบบดิจิทัลมากยิ่งขึ้นอีกด้วย นโยบายดังกล่าวจะช่วยลดการใช้กระดาษกว่า 14 ล้านแผ่นหรือช่วยลดการตัดต้นไม้ได้กว่า 2,400 ต้นภายในระยะเวลา 3 ปี


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment