สศอ. เผยดัชนี MPI พ.ย. 2566 หดตัว 4.71% และ 11 เดือนแรกหดตัว 5%

สศอ. เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพฤศจิกายน ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 90.83 หดตัวร้อยละ 4.71 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ 11 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 5.01 คาดการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่กลับมาขยายตัว จะส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมต่อเนื่อง

นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพฤศจิกายน ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 90.83 หดตัวร้อยละ 4.71 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ 11 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 5.01 ด้านอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ร้อยละ 57.87 และ 11 เดือนแรกอยู่ที่เฉลี่ยร้อยละ 59.38 เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัวได้ช้า จากปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ต้นทุนทางการเงินและภาระหนี้ของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจประเทศคู่ค้ายังคงชะลอตัว เนื่องจากนโยบายการเงินของต่างประเทศยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัว ทำให้ความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์การกลั่นปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหาร สะท้อนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายนมีมูลค่าการส่งออกรวมขยายตัวร้อยละ 3.37 และการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหักทองขยายตัวร้อยละ 2.94 โดยคาดว่าจะส่งผลทำให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมดีขึ้นในช่วงเวลาหลังจากนี้

นอกจากนี้ ระบบการเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมภาพรวมของไทยเดือนธันวาคม 2566 “ส่งสัญญาณเฝ้าระวังเพิ่มขึ้น” จากปัจจัยภายในประเทศที่ส่งสัญญาณเฝ้าระวังในทุกองค์ประกอบ โดยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจปรับตัวลดลงจากความเชื่อมั่นที่ไม่ใช่ภาคการผลิตลดลง กำลังซื้อของผู้บริโภคยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และภาคการก่อสร้างที่ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากงบประมาณปี 2567 ที่ล่าช้า ส่งผลต่อการประมูลโครงการก่อสร้างของภาครัฐ และดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมยังกังวลต่อการขึ้นค่าแรง ในขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ส่งสัญญาณเฝ้าระวังต่อเนื่อง โดยภาคการผลิตของญี่ปุ่นยังคงหดตัว ส่วนสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกายังกังวลเรื่องเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตเดือนพฤศจิกายน 2566 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่

ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 29.91 จากการผลิตสินค้าในกลุ่มที่ใช้สำหรับการเดินทางเป็นหลัก ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเครื่องบิน แก๊สโซฮอล์ และน้ำมันเตา จากกิจกรรมการเดินทางในประเทศที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในปีก่อน

เครื่องประดับเพชรพลอยแท้ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12.91 จากแหวน สร้อย และเพชร เป็นหลัก โดยขยายตัวทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออก ประเทศคู่ค้าหลักกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้นทั้งการท่องที่ยวหรือการจัดงานแสดงอัญมณี และเร่งคำสั่งซื้อรองรับความต้องการในช่วงเทศกาลปีใหม่

สายไฟและเคเบิลอื่น ๆ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 24.89 จากสายไฟฟ้าเป็นหลัก เนื่องจากการขยายตัวของตลาดในประเทศ รวมถึงการส่งมอบตามคำสั่งซื้อของการไฟฟ้า

เยื่อกระดาษ กระดาษ และกระดาษแข็ง ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 14.18 เนื่องจากความต้องการใช้ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ที่ขยายตัว รวมถึงราคาเยื่อกระดาษ กระดาษแข็งและกระดาษคราฟท์ปรับตัวลดลงทำให้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น

เส้นใยประดิษฐ์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 29.31 จากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ และเส้นใยประดิษฐ์อื่นๆ เนื่องจากการขยายตัวของตลาดส่งออกและตลาดในประเทศ โดยเป็นตามคำสั่งซื้อในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ชิ้นส่วนอุปกรณ์รถยนต์ ของตกแต่งบ้าน เชือก และสายเคเบิล


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment