“สตาร์ มันนี่ (SM)” กำไร Q3/66 โตกว่า 17%

บมจ.สตาร์ มันนี่ หรือ SM ดาวรุ่งเจ้าถิ่นแห่งบูรพา ประกาศผลงาน Q3/66 โชว์กำไรสุทธิอยู่ที่ 23.45 ลบ. โต 17.31% เทียบ Q3/65 ประเมินแนวโน้มธุรกิจช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ คาดเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา

นายชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์ มันนี่ จำกัด (มหาชน) หรือ SM เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 3/66 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 23.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.31% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 19.99 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 325.55 ล้านบาท ลดลง 6.73% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 349.03 ล้านบาท จากการปรับลดสัดส่วนการขายสินค้าแบบผ่อนชำระประเภทโทรศัพท์มือถือลง เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีแนวโน้มความเสี่ยงสูงที่จะก่อให้เกิดหนี้ด้อยคุณภาพ ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทฯมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,024.40 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 66.74 ล้านบาท

“ในไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่ายโดยรวมลดลง 5.59% หลักๆ จากต้นทุนขายที่ลดลงตามยอดขายสินค้า แต่เพิ่มขึ้นในส่วนค่าใช้จ่ายเงินเดือนพนักงานจากการเพิ่มสาขาและบุคลากรประจำสาขา ขณะที่ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 58.20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการบริหารจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายชูศักดิ์ กล่าว

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 4/2566 ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ คาดจะมีการเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา หลังมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศและเริ่มมีมาตรการต่างๆ ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มกำลังซื้อ เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการใช้จ่ายภายในประเทศทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคตะวันออกเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนที่สำคัญ (EEC) สนับสนุนกำลังซื้อในโซนดังกล่าวคึกคักในทิศทางเดียวกัน

“คาดการเติบโตของยอดขายและสินเชื่อ รวมถึงคุณภาพสินเชื่อโดยรวมในไตรมาส 4 จะดีขึ้น จากช่วง 3 ไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และเร่งคุมคุณภาพสินเชื่อ สำหรับไตรมาส 4 นี้ บริษัทฯ จะนำระบบเทคโนโลยีใหม่เข้ามาช่วยในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อในส่วนของโทรศัพท์มือถือ เชื่อมั่นว่าจะสามารถยกระดับคุณภาพสินเชื่อเช่าซื้อได้ดีขึ้น ประกอบกับต้นปีหน้าบริษัทจะใช้ข้อมูลจากบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (NCB) เพื่อคัดกรองสินเชื่อให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงปัจจุบันบริษัทกำลังอยู่ในช่วงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปล่อยสินเชื่อและการติดตามหนี้ โดยเทคโนโลยีดังกล่าว จะช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อและความสามารถในการชำระหนี้ ทั้งการกำหนดวงเงินสินเชื่อ อัตราดอกเบี้ย จำนวนเงินค่างวดที่เหมาะสม และเงื่อนไขความจำเป็นในการค้ำประกัน รวมถึงช่วยวิเคราะห์แนวโน้มความเสี่ยงของการไหลตกชั้นหนี้ของลูกหนี้แต่ละราย เรามั่นใจว่าจะสามารถรักษาระดับการเติบโตและคุณภาพสินเชื่อโดยรวมได้ดียิ่งขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งยังสามารถช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ความรวดเร็วและการเข้าถึง ในการอนุมัติสินเชื่อให้ลูกค้าได้ในพื้นที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น” นายชูศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติม

กลยุทธ์ของบริษัทจะยังคงมุ่งเน้น Light Asset Model ในการเติบโตของยอดขายและสินเชื่อ โดยใช้เงินลงทุนไม่มาก ค่าใช้จ่ายน้อย และได้ระดับ Loan Yield ที่ดีและเหมาะสม ควบคู่กับการพิจารณาการเปิดสาขาเพิ่มขึ้นในทำเลที่มีศักยภาพ

ด้านความคืบหน้าในการหาพันธมิตรเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัท ปัจจุบันบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร เพื่อเปิดตลาดใหม่และขยายฐานลูกค้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายและสินเชื่อให้เติบโตมากยิ่งขึ้น คาดจะเห็นความร่วมมือใหม่ๆ เกิดขึ้นในต้นปีหน้า


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment