ASIAN จ่ายปันผลระหว่างกาล 0.08 บ./หุ้น ลุ้นครึ่งปีหลัง

เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น หรือ ASIAN’ เผยผลงานไตรมาส 2 และครึ่งปีแรก 2566 มีปัจจัยลดมาก รอครึ่งปีหลังมีมุมมองบวกจากธุรกิจอาหารทะเลแช่เยือกแข็งที่มีแนวโน้มดีขึ้น ลุยปรับแผนตามสถานการณ์ เน้นรักษาอัตรากำไรขั้นต้นระดับ 10-11% บอร์ด มีมติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.08 บาท

นายเอกกมล ประสพผลสุจริต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN เปิดเผย ผลประกอบการไตรมาส 2/2566 มีรายได้ 2,338 ล้านบาท ลดลง 16.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 2,810 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็งมียอดขายต่ำกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลต่อผลประกอบการโดยรวมของกลุ่ม ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 16 ล้านบาท ลดลง 94 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 264 ล้านบาท ผลมาจากยอดขายที่ลดลง

สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก 2566 บริษัทฯมีรายได้อยู่ที่ 4,610 ล้านบาท ลดลง 18.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 5,647 ล้านบาท สาเหตุหลักจากปริมาณการขายอาหารทะเลแช่เยือกแข็งและอาหารสัตว์ที่ลดลงไป 41% และ 28% ตามลำดับ โดยปริมาณการขายอาหารทะเลแช่เยือกแข็งอยู่ที่ 4,369 ตัน และอาหารสัตว์อยู่ที่ 14,081 ตัน แต่ยอดขายธุรกิจอาหารสัตว์น้ำฟื้นตัวจากปีที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญถึง 22% ซึ่งเป็นผลจากการปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องและส่งผลให้มีความต้องการสินค้าของบริษัทเพิ่มมากขึ้น ขณะที่กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ครึ่งปีแรก 2566 อยู่ที่ 66 ล้านบาท ลดลง 87% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 513 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงมาอยู่ในระดับ 10.3% จากเดิมอยู่ที่ 18.1% โดยมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.08 บาท/หุ้น ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 0.63 บาท/หุ้น

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดจำนวน 65.13 ล้านบาท คิดเป็นอัตราหุ้นละ 0.08 บาท ในวันที่ 8 ก.ย. 2566 โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลวันที่ 25 ส.ค. 2566 เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่เชื่อมั่นในศักยภาพธุรกิจและมั่นใจ แนวโน้มอุตสาหกรรมอาหารคนและสัตว์เลี้ยงในระยะยาวยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง

นายเอกกมล กล่าวว่า บริษัท ได้มีการทบทวนเป้าหมายปี 2566 จากผลการดำเนินงานครึ่งปี 2566 จึงได้ปรับเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตลดลง 11% จากปีที่ผ่านมา และบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ระดับ 10-11 %

สาเหตุที่ปรับเป้าการดำเนินงานปีนี้ เพราะคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังตลาดในกลุ่มประเทศหลักอย่างสหรัฐและยุโรปจะยังซบเซาต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อยังสูงและอัตราดอกเบี้ยแนวโน้มปรับขึ้นซึ่งมีผลต่อห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก รวมถึงความไม่แน่นอนทางภูมิศาสตร์การเมืองในยุโรปที่เกิดจากความขัดแย้งต่อเนื่องระหว่างรัสเซียและยูเครน แต่บริษัทมีมุมมองบวกต่อธุรกิจอาหารทะเลแช่เยือกแข็งจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากเริ่มเห็นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคดีขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งอาจส่งผลให้มีคำสั่งสินค้ากลุ่มมูลค่าเพิ่ม (VAP) กลับเข้าสู่ระดับปกติได้

นอกจากนั้น บริษัท ยังได้ปรับแผนงานการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยลดงบลงทุนปีนี้ มาอยู่ที่ 671 ล้านบาท โดยเลื่อนโครงการที่ยังไม่อยู่ในลำดับความสำคัญออกไปก่อน คาดว่าทั้งปีนี้จะจัดสรรงบลงทุนแบ่งเป็น เพื่อขยายกำลังการผลิตของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตจำนวน 473 ล้านบาท ใช้ขยายการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ดและเปลี่ยนหม้อต้มไอน้า (Boiler) จำนวน 54 ล้านบาท และเพื่อโครงการติดตั้ง Solar Roof และปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานในธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็งจำนวน 144 ล้านบาท


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment