WHARTเพิ่มทุนครั้งที่ 4 เพื่อลงทุนทรัพย์สินเพิ่มเติม มูลค่าไม่เกิน 4.88 พันล้านบาท

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) ประกาศเพิ่มทุนครั้งที่ 4 เพื่อเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม โดยมูลค่าสูงสุดที่จะเข้าลงทุนในสินทรัพย์หลักไม่เกิน 4,880.25 ล้านบาท โดยจุดเด่นของทรัพย์สินส่วนใหญ่ ที่ขายเข้ากองทรัสต์ เป็น โครงการ Built-to-Suit Warehouse & Factory ระดับพรีเมี่ยม ที่ครบทั้งระบบสาธารณูปโภค-พลังงาน และ Digital Infrastructure

สำหรับการเพิ่มทุนครั้งที่ 4 เพื่อลงทุนในทรัพย์สิน เพิ่มเติมครั้งที่ 5 ของกองทรัสต์ WHART นั้น จะเป็นการลงทุนในทรัพย์สิน มูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 4,880.25 ล้านบาท รวมจำนวน 5 โครงการ แบ่งเป็นการลงทุนในกรรมสิทธิ์ 3 โครงการ และการลงทุนสิทธิการเช่า/สิทธิการเช่าช่วงจำนวน 2 โครงการ ซึ่งจะมีพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 155,237 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่อาคารคลังสินค้าในโซนบางนา-ตราด สัดส่วนประมาณ 90% และพื้นที่อาคารโรงงานในโซน EEC ประมาณ 10% พื้นที่เช่าหลังคารวมประมาณ 71,482 ตารางเมตร และพื้นที่เช่าลานจอดรถรวมประมาณ 2,983 ตารางเมตร บนที่ดินรวมประมาณ 172 ไร่ 2 งาน 26.75 ตารางวา

ซึ่งประกอบด้วย 1.โครงการอาคารโรงงาน DTS ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี 2.โครงการอาคารโรงงาน Roechling ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1 ตำบลเขาคันทรง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี 3.โครงการ WHA Mega Logistics Center (ชลหารพิจิตร กม.3 เฟส 1) ตั้งอยู่ที่ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 4.โครงการ WHA Mega Logistics Center (ชลหารพิจิตร กม.3 เฟส 2) ตั้งอยู่ที่ ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และ 5.โครงการ WHA KPN Mega Logistics Center (ถนนบางนา-ตราด กม.23 เฟส 2) ตั้งอยู่ที่ ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ

โดยทรัพย์สินที่ทางกองทรัสต์ WHART เข้าไปลงทุนนั้น มีความโดดเด่น ในด้านทำเลที่ตั้งซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ รวมถึงโครงการซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ EEC ซึ่งจะเป็นการสร้างมูลค่าเสริมเพิ่มให้กับกองทรัสต์ได้ในระยะยาว อีกทั้ง มีความโดดเด่นของผู้เช่าที่เป็นกลุ่มธุรกิจ E-Commerce ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจเมกะเทรนด์ ที่มีการเติบโตสูง รวมถึงผู้เช่าที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Plug-in Hybrid Car) ซี่งจะช่วยให้กลุ่มลูกค้าผู้เช่าของกองทรัสต์มีความหลากหลายมากขึ้น

พร้อมกันนี้ เชื่อว่าภายหลังจากการเข้าลงทุนครั้งนี้ จะส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์ WHART เพิ่มขึ้นแตะระดับกว่า 38,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 33,214 ล้านบาท ซึ่งถือได้ว่า WHART ติดอันดับ 1 ใน 3 ของการเป็นหนึ่งในผู้นำในอุตสาหกรรมกองทรัสต์ ประเภทคลังสินค้า โรงงานและศูนย์กระจายสินค้า อีกทั้งยังมองว่า การเพิ่มทุนครั้งนี้ จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์ อย่างมีเสถียรภาพ และยังสามารถรักษาสัดส่วนทรัพย์สินประเภท Freehold ต่อ Leasehold ในระดับใกล้เคียงเดิมประมาณ 67% ต่อ 33% เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการลดมูลค่าของทรัพย์สินของกองทรัสต์ในอนาคต และสามารถรักษาระดับ Occupancy rate ได้ประมาณ 90% อย่างต่อเนื่อง ด้วย profile ของผู้เช่าพื้นที่ของกองทรัสต์ ซึ่งส่วนมากเป็นผู้เช่ารายใหญ่และมีความมั่นคง

ทั้งนี้จะมีการเปิดให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมจองซื้อหน่วยทรัสต์ WHART จากการเพิ่มทุนครั้งที่ 4 จำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 323.78 ล้านหน่วย โดยราคาสูงสุด ที่จะเสนอขายหน่วยทรัสต์ ไม่เกิน 16.90 บาทต่อหน่วยทรัสต์ ซึ่งจะเปิดให้ผู้ถือหน่วยเดิมจองซื้อ ระหว่างวันที่ 12 – 15 และ 18 พฤศจิกายน 2562 และ สำหรับประชาชนทั่วไป ได้แก่บุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายและผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ จะเปิดให้จองซื้อ ระหว่างวันที่ 19 - 22 และ 25 พฤศจิกายน 2562 และคาดว่าโอนกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าในสินทรัพย์ได้ในช่วงประมาณปลายปี 2562


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment