กาแฟพันธุ์ไทย ผนึก มก. ส่งแคมเปญ “โพดจุกใจ ไร่สุวรรณ” หนุนเกษตรกรพร้อมรุกตลาดกาแฟ

กาแฟพันธุ์ไทย ของ บริษัท พีทีจี ร่วมกับ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ผลักดันวัตถุดิบท้องถิ่นหาทานยาก มาห้ผู้บริโภคได้ลิ้มลอง นำร่องด้วยแคมเปญ “โพดจุกใจ ไร่สุวรรณ” ชู 3 เมนูสุดสร้างสรรค์ จากน้ำนมและเมล็ดข้าวโพดจากไร่สุวรรณ พร้อมเปิดตัวกลางสยามสแควร์วันกับเทศกาล “Cornnival - คอร์นนี้ว้าว โพดจุกใจ ไร่สุวรรณ” ด้วยงบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายเติบโตขึ้น 20% จากแคมเปญนี้

คุณพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) และบริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า กาแฟพันธุ์ไทย ริหารงานของ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ประกาศความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่กับ “มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์” ผลักดันวัตถุดิบท้องถิ่นหาทานยาก มาสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลอง นำร่องด้วยแคมเปญ “โพดจุกใจ ไร่สุวรรณ” ชู 3 เมนูสุดสร้างสรรค์ จากน้ำนมและเมล็ดข้าวโพดจากไร่สุวรรณ พร้อมเปิดตัวด้วยการสร้างสีสัน ยกไร่ข้าวโพดมาไว้ใจกลางสยามสแควร์วันกับเทศกาล “Cornnival - คอร์นนี้ว้าว โพดจุกใจ ไร่สุวรรณ” ด้วยงบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายเติบโตขึ้น 20% จากแคมเปญนี้ ประกอบกับกลยุทธ์ที่มุ่งนำเสนอสินค้าใหม่ที่แตกต่างเพิ่มไลน์สินค้ากลุ่ม Non-Beverage ขยายแฟรนไชส์ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพิ่มความถี่และขยายฐานสมาชิก Max Card Plus ให้มากขึ้น ซึ่งคาดว่ายอดขายโดยรวมจะเพิ่มขึ้น 80% และส่งผลให้กำไรเติบโตขึ้น 2 เท่า ภายในปี 2566 นี้

“การจับมือกับสถาบันการศึกษาเป็นหนึ่งในกลยุทธ์เชิงรุกของ “กาแฟพันธุ์ไทย” ในการผลักดันยอดขายและเดินหน้าเพิ่มสาขาแฟรนไชส์ให้ได้ตามเป้า โดยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 ที่ผ่านมา กาแฟพันธุ์ไทย สามารถทำยอดขายได้กว่า 350 ล้านบาท เติบโตกว่าปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกันถึง 70% และเติบโตจากสาขาเดิมถึง 35% ประกอบกับภาพรวมของตลาดกาแฟในปัจจุบันที่เติบโตเป็นอย่างมาก จากการเปิดเผยข้อมูลของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ‘ดีพร้อม’ พบว่ามีการบริโภคกาแฟในประเทศสูงถึง 70,000 ตันต่อปี ขณะที่ประเทศไทยผลิตได้เองเพียง 10,000 ตันต่อปีเท่านั้น นอกจากนี้จากการศึกษาข้อมูลตลาดกาแฟโลก คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดกาแฟในช่วงปี 2564-2566 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องปีละ 9% คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1.91 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ชี้ให้เห็นปัจจัยบวกของกาแฟในประเทศไทย ที่เต็มไปด้วยโอกาสเติบโตอีกมาก

ด้าน ผศ.ดร.นิคม แหลมสัก รองอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และพีทีจี มีอุดมการณ์บนจุดมุ่งหมายเดียวกันคือความมุ่งมั่นขับเคลื่อนสังคม และเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน จึงเป็นที่มาของความร่วมมือจัดทำโครงการนำร่องในครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ภาคเอกชนอย่างกาแฟพันธุ์ไทยเห็นความสำคัญของการสนับสนุนเกษตรกรไทย โดยเลือกใช้วัตถุดิบในประเทศ พร้อมส่งเสริมช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าเกษตรให้กับหน่วยธุรกิจของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อร่วมกันสนับสนุนชุมชน สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้แก่เกษตรกรไทย พร้อมส่งเสริมเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน”

รศ. ดร.ธานี ศรีวงศ์ชัย คณบดี คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวเสริมว่า “ศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติ (ไร่สุวรรณ) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้วิจัยคิดค้นพันธุ์ข้าวโพดหวาน ที่มีรสชาติ และคุณลักษณะทางการเกษตรที่ดี จนกระทั่งได้พันธุ์ข้าวโพดหวานอินทรี 2 ที่มีความหวานจากธรรมชาติโดยเฉลี่ย 14.5 องศาบริกซ์ มีรสชาติหวาน นุ่ม และหอม เมื่อมีการนำมาแปรรูปเป็นน้ำนมข้าวโพดจึงมีรสชาติที่หอมหวานไม่เหมือนใคร อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน ความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกของไร่สุวรรณที่ได้ทำงานร่วมกับแบรนด์กาแฟพันธุ์ไทย พร้อมต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ก้าวไปอีกขั้น เพื่อส่งมอบคุณค่าสู่ชุมชน เกษตรกร และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยต่อไป”

สำหรับแผนยุทธศาสตร์ที่จะขับเคลื่อนให้ “กาแฟพันธุ์ไทย” บรรลุเป้าหมายการขยายแฟรนไชส์ 1,500 สาขา ผลักดันกำไรให้เติบโต 2 เท่า ภายในสิ้นปี 2566 นี้ ประกอบด้วย

1) การขยายสาขาทั่วประเทศด้วยโมเดลธุรกิจแฟรนไชส์ โดยเน้นการเปิดสาขาที่ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย (Coverage Expansion) เข้าถึงได้ง่าย (Accessibility) และเพิ่มการมองเห็นของแบรนด์ (Visibility) โดยเน้นการขยายสาขาใจกลางเมืองในย่านธุรกิจที่มีกำลังซื้อสูง ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมไปถึงหัวเมืองตามจังหวัดต่างๆ เพื่อให้สามารถรองรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายและง่ายต่อการเข้าถึง ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และวัยทำงาน โดยกลยุทธ์ที่กาแฟพันธุ์ไทยมุ่งเน้นคือการขยายธุรกิจแฟรนไชส์ ด้วยรูปแบบการลงทุนและโมเดลที่หลากหลาย เพื่อให้เหมาะสมกับทำเลในแต่ละพื้นที่ และสอดคล้องกับงบประมาณการลงทุน

ปัจจุบันร้านกาแฟพันธุ์ไทยเปิดให้บริการกว่า 600 สาขา มีสัดส่วนของสาขาที่อยู่ในสถานีบริการน้ำมัน 60% และสาขานอกสถานีบริการน้ำมันอีก 40% ซึ่งภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายสาขาให้ได้ 800 สาขา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายรวม 1,500 สาขาทั่วประเทศ ภายในสิ้นปี 2566 นี้ ด้วยรูปแบบการลงทุนที่ง่าย คุ้มค่า แม้ไม่มีประสบการณ์ก็เปิดร้านได้ บริษัทฯ มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาและแนะนำไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการบริหารจัดการร้าน, วัตถุดิบต่างๆ รวมถึงการควบคุมคุณภาพและรสชาติของเครื่องดื่มและอาหารภายในร้าน ด้วยงบลงทุนเริ่มต้นเพียง 1.25 ล้านบาท/สาขา เพื่อให้คนไทยทุกคนสามารถเป็นเจ้าของร้านกาแฟพันธุ์ไทยได้ง่ายๆ ธนาคารที่เป็นพาร์ตเนอร์สำหรับพิจารณาสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษเพื่อการลงทุน โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สำหรับผู้ที่ยังไม่มีทำเลที่ตั้ง ทางบริษัทจะนำเสนอทำเลให้ผู้สมัครแฟรนไชส์พิจารณาตามความเหมาะสม ลงทุนก่อนมีสิทธิเปิดร้านก่อน และทางบริษัทฯ ยังเปิดโอกาสให้เข้ามาร่วมเป็นเอ็กเซ็กคูลซีฟแฟรนไชส์ (Sub-Area Franchise) อีกด้วย

2) การนำเสนอสินค้าใหม่จากวัตถุดิบท้องถิ่น ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์และหาทานได้ยากของไทยมาพัฒนาสร้างสรรค์เป็นเครื่องดื่มเมนูต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างความน่าสนใจให้กับสินค้าของทางกาแฟพันธุ์ไทยแล้ว ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าผลผลิต สร้างงาน สร้างอาชีพให้แก่ชุมชนและเกษตรกรไทยให้ “อยู่ดีมีสุข” และเติบโตอย่างยั่งยืน

3) การเพิ่มไลน์สินค้ากลุ่ม Non-Beverage ด้วยสินค้ากลุ่มเบเกอรีและขนมอบ (Bakery & Pastry) ขนมแปรรูปจากชุมชนทั่วประเทศ (Pack Food) สินค้าที่ระลึกและของพรีเมียมจากแบรนด์ (Merchandising) รวมไปถึงเมล็ดกาแฟและกาแฟ ดริปพร้อมดื่มที่บ้าน เพื่อเพิ่มยอดขายต่อบิลให้มากขึ้น

4) การขยายและรักษาฐานลูกค้าสมาชิก Max Card ในปัจจุบันที่มีกว่า 19 ล้านราย ซึ่งคาดว่าภายในปีนี้จะสามารถเพิ่มสมาชิกในระบบได้มากกว่า 21 ล้านรายทั่วประเทศ โดยสามารถเชื่อมโยงฐานข้อมูลสมาชิกมาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อพัฒนากลยุทธ์ในการสร้างยอดขายและเพิ่มความถี่ในการใช้บริการเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเป้าหมายหลักในการขยายฐานสมาชิก Max Card Plus หรือบัตรแดง ให้เพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าประจำที่มี Brand Royalty และมีกำลังซื้อสูงกว่ากลุ่มทั่วไปมากกว่า 2 เท่า


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment