{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
“อัญมณี” ของขวัญอันล้ำค่าจากธรรมชาติ โดยอาจเป็นแร่ หรือ หิน รวมถึงสารประกอบอินทรีย์และอนินทรีย์ชนิดต่างๆ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้หลากหลายประเภท คุณสมบัติสำคัญที่ปรากฏเด่นชัด ได้แก่ ความสวยงาม (Beauty) ความ หายากในตัวเอง (Rarity) และความคงทนต่อการถูกขีดข่วนเป็นรอย (Durability) จึงทำให้อัญมณีมีมูลค่าสูงและควรค่าแก่การสะสม “อัญมณี” ได้รับความสนใจมาตั้งแต่ในช่วง 150,000 ปีก่อน กล่าวคือ จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีพบว่า อัญมณีมีการถูกใช้ในสมัยอียิปต์โบราณ จีน และ อินเดีย หลายพันปีก่อนพุทธกาล สำหรับในประเทศไทยอัญมณีที่นิยมและเป็นที่รู้จัก มักเรียกว่า “นพรัตน์” หรือ แก้ว 9 ประการ ได้แก่ เพชร ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน ไพลิน มุก เพทาย และ ไพฑูรย์ ที่มีความสวยงามและมีความหมายที่แตกต่างกันออกไป
โดย “ทับทิม” หรือ “Ruby” ถือเป็นอัญมณีที่คนไทยคุ้นชินกันเป็นอย่างดี เป็นพลอยเนื้อแข็งในตระกูลคอรันดัม (Corundum) สีแดงของทับทิมเกิดจากไอออนของโครเมียม (Cr3+) ร่วมกับการเจือปนด้วยไอออนของเหล็กเพียงเล็กน้อย ทำให้ทับทิมสามารถมีได้หลายเฉดสี ตั้งแต่ สีแดงอมชมพู สีแดงอมม่วง ไปจนถึงสีแดงสดคล้ายเลือดของนกพิราบ ที่เรียกกันว่า “Pigeon's Blood” ซึ่งถูกนิยามว่าเป็นสีที่สวยที่สุดของทับทิมและได้รับการยอมรับจากนักสะสม โดยทับทิมนับเป็นอัญมณีที่มีคุณค่าและหายากชนิดหนึ่ง ถือได้ว่าเป็นอัญมณีสีแดงที่มีราคาสูงที่สุด และเป็นที่นิยมในเอเชียเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยสีแดงถือเป็นสีมงคลอันหมายถึง ความมั่งคั่ง ร่ำรวย และความมงคล จึงทำให้คนเอเชียนิยมสะสมอัญมณีทับทิม โดยมักนำมาออกแบบเป็นเครื่องประดับอย่างแหวน สร้อยข้อมือ ต่างหู และจี้ต่างๆ
ทับทิมเป็นอัญมณีที่มีความน่าสนใจมากในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านประวัติศาสตร์ ศาสนา วงการธุรกิจ และการสร้างสรรค์เป็นเครื่องประดับ ดังนั้นเมื่อศึกษาลงไปยิ่งลึก จะพบว่า อัญมณีทับทิมมีความน่าสนใจอย่างมาก โดยอัญมณีทับทิมสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ อัญมณีทับทิมที่ไม่ผ่านการเผาปรับปรุงคุณภาพ (Untreated หรือ Unheated) ซึ่งมักหาพบได้ยาก ด้วยความสวยงามแบบดั้งเดิมที่ไม่ผ่านการปรับปรุงใดๆ คุณสมบัตินี้ทำให้ อัญมณีทับทิมมีมูลค่าสูงอย่างมาก และอีกหนึ่งประเภท คือ อัญมณีทับทิมที่ผ่านการเผาปรับปรุงคุณภาพ (Heated) ด้วยความร้อน (Heat Treatment) หรือการใส่สารเคมีลงไปเพื่อเติมแต่งให้ทับทิมมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น โดยส่วนใหญ่ การเผาปรับปรุงคุณภาพมักจะทำให้อัญมณีมีความสวยงามและคงทนถาวรมากยิ่งขึ้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความหายากที่ลดลงเมื่อเทียบกับชนิดที่ไม่ผ่านการปรับปรุงคุณภาพ โดยอัญมณีทับทิมทั้งสองประเภทสามารถถูกตรวจสอบและจำแนกออกจากกันได้ด้วยกระบวนการวิทยาศาสตร์ โดยมีสถาบันวิจัยและห้องปฏิบัติการด้านอัญมณีต่างๆ ทั้งทางภาครัฐและเอกชนให้บริการ เป็นผู้ออกใบรับรองผลการตรวจสอบ (Report หรือ Certificate) เพื่อให้เรามั่นใจว่าอัญมณีที่เราครอบครองนั้นมาจากธรรมชาติ โดยไม่ผ่านกระบวนการปรับปรุงคุณภาพ
แต่ในขณะเดียวกัน จะดีกว่าหรือไม่? หากเรารู้แหล่งกำเนิดอัญมณีตั้งแต่ตอนตัดสินใจซื้อ โดย NGG JEWELLERY อาณาจักรเครื่องประดับ ทอง เพชร อัญมณี และนาฬิกา เตรียมคลอดแบรนด์น้องใหม่ “Gem Rarity” เจ้าแรกที่นำ อัญมณีทับทิมมาออกแบบเป็นเครื่องประดับที่สามารถ Tracing and Tracking หรือติดตามข้อมูลของอัญมณีทับทิมตั้งแต่เป็นพลอยดิบที่ยังไม่เจียระไนจากแหล่งกำเนิดที่แน่นอนรวมทั้งบอกคุณสมบัติ น้ำหนักก่อนและหลังเจียระไน จนกระทั่งกลายเป็นเครื่องประดับของคุณอย่างสมบูรณ์
ซึ่งแบรนด์ Gem Rarity ถือเป็นการร่วมมือระหว่าง NGG และบริษัท Gemfields ประเทศสหราชอาณาจักร ซึ่งทำเหมืองทับทิมในแหล่งชื่อดังของโลกอย่างประเทศโมซัมบิก (Mozambique) นับเป็นการทำงานครั้งพิเศษและสำคัญอย่างมาก เพราะในปัจจุบัน นักสะสมหรือผู้ที่สนใจในอัญมณี ให้ความสำคัญกับที่มาของอัญมณี ตั้งแต่แหล่งกำเนิด ความโปร่งใสของบริษัทในการทำเหมืองที่มีธรรมาภิบาลและการใช้แรงงานที่ถูกกฎหมาย การได้มาของอัญมณีหนึ่งเม็ด เพื่อส่งต่อทับทิมอันมีความหมายแก่ลูกค้าคนสำคัญ
มาพร้อมกับแอปพลิเคชัน “Gem Rarity” ที่เปิดเพื่อให้บริการและดูแลลูกค้าที่ซื้อเครื่องประดับแบรนด์ Gem Rarity เพราะสินค้าทุกชิ้น จะมี Certificate ที่สามารถเช็คได้ผ่านแอปพลิเคชัน พิเศษยิ่งกว่า ลูกค้าสามารถส่งต่อกรรมสิทธิ์เครื่องประดับให้เป็นของขวัญให้คนที่รักได้อีกด้วย อีกทั้งยังมีความรู้ ข่าวสาร และข้อมูล in-sight เฉพาะลูกค้า Gem Rarity เท่านั้น
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS