TOP จบไตรมาส 1/66 กำไรสุทธิ 4,554 ล้านบาท

ไทยออยล์ (TOP) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 ภาพรวมธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2565 มีกำไรสุทธิ 4,554 ล้านบาท

นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/2566 กลุ่มไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 4,554 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาสก่อนจากภาพรวมธุรกิจที่ดีขึ้น และราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากราคาเฉลี่ย ณ ไตรมาส 4/2565 หลังจากตลาดคลายความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบตึงตัว ประกอบกับความกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสกัดภาวะเงินเฟ้อ ทำให้บริษัทฯ ยังต้องรับรู้ผลขาดทุนราคาสต็อกน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างราคาน้ำมันดิบที่ใช้กลั่นจริงเทียบกับราคาน้ำมันดิบดูไบ (Crude Premium) ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญได้ปรับลดลงตาม ทำให้ธุรกิจการกลั่นยังมีผลการดำเนินงานที่ดี ธุรกิจอะโรเมติกส์ปรับตัวดีขึ้นจากอุปสงค์ในภูมิภาคเอเชียปรับตัวสูงขึ้น หลังประเทศจีนมีนโยบายเปิดประเทศและยกเลิกมาตรการโควิดเป็นศูนย์ และธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน มีผลการดำเนินงานดีขึ้นจากอัตราการเดินเครื่องเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ในไตรมาส 4/2565 แล้วเสร็จ ในขณะที่ธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาดมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลง เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศปรับตัวลดลง ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมันอยู่ที่ 11.8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล”

ภาพรวมธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ ปี 2566 คาดว่า จะปรับตัวสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ของประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่ยกเลิกมาตรการโควิดเป็นศูนย์ อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันมีแนวโน้มลดความตึงตัวลง เนื่องจากประเทศรัสเซียสามารถส่งออกน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปได้ใกล้เคียงกับระดับปกติ ขณะที่เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงต่อภาวะชะลอตัว ทั้งนี้ ไทยออยล์ยังคงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับความท้าทายจากปัจจัยภายนอกที่มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างผลการดำเนินงานที่มั่นคงต่อไป” นายบัณฑิต กล่าว


COMMENTS

{{ errors.name }}

{{ errors.value }}

{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}

RELATED TOPICS

Please wait a moment