{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ หรือ ILM มุ่งสร้าง Living Lifestyle Mall แห่งอนาคต สู่ความยั่งยืนภายใต้หลัก 3G ด้วยแนวคิด ‘Sustainable Living for Future Lifestyle’ ส่งต่อสิ่งแวดล้อมที่ดี ตั้งเป้าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตด้าน PRODUCTS DESIGN ยกระดับภูมิปัญญาและหัตถกรรมท้องถิ่น เพื่อสร้างมูลค่าให้สินค้าร่วมสมัยเป็นสากล ส่งเสริมการพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง ต่อยอดการสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM เปิดเผยว่า โดยในปี 2566 อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ดำเนินงานด้าน ESG ( ESG : Environment, Social, Governance) ซึ่งยึดแนวคิด ‘Sustainable Living for Future Lifestyle’ สู่การใช้ชีวิตแห่งอนาคตที่ยั่งยืน ผ่านกลยุทธ์ Great Experience, Green Planet, Grow Together เพื่อประสบการณ์ที่ดีด้วยสินค้าและบริการ มอบความสุข-คุณภาพชีวิตที่ดีให้กับครอบครัว ILM และส่งต่อสิ่งแวดล้อมที่ดีสู่สังคมที่ยั่งยืน
โดย มิติสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ เดินหน้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อเนื่อง โดยดำเนินภายใต้ 3 แกน ดังนี้
Energy Saving & Efficiency in Retail Stores เพื่อวางแผนด้านพลังงานระยะยาว โดยปี 2566 มีแผนปรับปรุงระบบปรับอากาศและระบบไฟฟ้าแสงสว่าง สำหรับ ILM ทุกสาขา, Upgrade เครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ, ตั้งเป้าลดการใช้ไฟฟ้าในทุกสาขาลงอีก 10% จากฐานปี 2565 ควบคู่โครงการ “Solar Rooftop” ปัจจุบันติดตั้งรวม 24 แห่ง ทั้ง ILM, คลังสินค้า และโรงงาน (ปี 2565 สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 12,688.80 mWh เพิ่มจากปีก่อน 18.84% ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 6,052.56 ตันคาร์บอนฯ) โดยตั้งเป้าติดตั้งเพิ่มสำหรับสาขาที่มีโครงสร้างรองรับและมีความคุ้มค่าในการติดตั้งภายในปี 2570 พร้อมขับเคลื่อน “Green Logistics” โดยเริ่มทดลองการขนส่งพลังงานสะอาดจากรถไฟฟ้า (Electric Vehicles: EVs) รูปแบบ EV Truck (6ล้อพ่วง), EV (6ล้อ) รวม7 คัน พร้อม EV Charger ที่คลังสินค้า โดยในปี 2566 จะเริ่มขนส่ง-กระจายสินค้าจากเส้นทางสายเหนือ-สายอีสาน ได้แก่ จ.นครสวรรค์ พิษณุโลก นครราชสีมา ขอนแก่น เชียงใหม่ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้มากขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้ยังศึกษาข้อมูลในด้านการเพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยการปลูกต้นไม้
จัดการขยะอย่างเป็นระบบ (Waste Managment) พัฒนาการจัดการขยะแต่ละประเภทให้เกิดประสิทธิภาพ ทั้ง ILM ทุกสาขา, คลังสินค้า, โรงงาน รูปแบบขยะรีไซเคิล ขยะอินทรีย์ ฯลฯ (ปี 2565 การแยกขยะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง6,356.27 ตันคาร์บอนฯ จึงทำให้ปี 2566 ได้ร่วมมือกับ กรมควบคุมมลพิษ ในการรวบรวมขยะอันตราย เช่นหลอดไฟ ถ่านไฟ และแบตเตอรี่เก่า ฯลฯ จากคู่ค้าและลูกค้าเพื่อนำไปคัดแยกและกำจัดอย่างถูกวิธี นำร่องการรับขยะอันตราย 2 แห่ง คือ ILM สาขาบางนา, สาขาเกษตร-นวมินทร์ นอกจากนี้ยังต่อยอดโครงการรับที่นอนเก่า (สภาพดี) จากลูกค้าเพื่อส่งต่อมูลนิธิและหน่วยงานที่ต้องการ หรือนำไปจัดการอย่างถูกวิธี เพื่อลดความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบกับสิ่งมีชิวิตและสิ่งแวดล้อม
ออกแบบผลิตภัณฑ์สู่ความยั่งยืน (Eco-Products design) เพื่อเติมเต็มนิยามของบ้านสู่วิถีแห่งความยั่งยืน โดยเพิ่มไอเทมกลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของใช้ภายในบ้านจากวัสดุรีไซเคิล และวัสดุธรรมชาติเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ออกแบบบรรจุภัณฑ์จากกระดาษเพื่อลดการใช้พลาสติก, ลดขนาดแพ็คเกจของกลุ่มที่นอนในรูปแบบบรรจุกล่อง ให้มีขนาดเล็กลงเพื่อลดเที่ยววิ่งรถขนส่งที่จะทำให้เซฟพลังงานและลดมลพิษทางอากาศ นอกจากนี้ยัง Upcycling พัฒนาไม้จริงเก่ามาดีไซน์เป็นสินค้าใหม่ เช่น เฟอร์นิเจอร์ Dining ไม้สัก เพื่อเพิ่มมูลค่าไม้เก่าและชูเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน และไม่สนับสนุนผลิตภัณฑ์จาก suppliers หรือผู้ผลิตที่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่าในห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนี้จะเพิ่มสัดส่วนเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ Younique (customized Furniture) ประหยัดทรัพยากรในการผลิตเฟอร์ฯ ให้เป็น 10% ของรายได้เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด ภายในปี 2568
มิติสร้างสรรค์สังคมที่ยั่งยืน มุ่งยกระดับสุขภาพของลูกค้าด้วยการดีไซน์ฟังก์ชันการใช้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ตลอดจนการมีส่วนร่วมกับชุมชน เพื่อสนับสนุนการสร้างรายได้ให้ชุมชน ผ่าน 3 แกนหลัก ได้แก่
พัฒนาสินค้าและบริการเพื่อคุณภาพชีวิตที่เหนือกว่า (Product and Service Innovation for Better Living) เพื่อตอกย้ำการเป็น Living Lifestyle Mall ครอบคลุมทุกความต้องการรองรับการใช้ชีวิตแห่งอนาคต เช่น ออกแบบสินค้าตามหลักการยศาสตร์ ในปี2566 เพิ่มกลุ่มสินค้า Ergonomic หมวดเก้าอี้-โต๊ะทำงานปรับระดับไฟฟ้า และเฟอร์ฯสำหรับเด็กวัยเรียน,ผู้สูงอายุ ฯลฯ
ผสานเทคโนโลยีใหม่ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ นำเทคโนโลยีทันสมัย ตอบโจทย์ชีวิตสะดวกสบายปลอดภัย และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี กับนวัตกรรม Easy to Clean Fabric Sofa การดีไซน์โซฟาด้วยวัสดุผ้าที่นุ่มอ่อนโยน ปลอดภัย สามารถเช็ดทำความสะอาดง่าย ช่วยป้องกันคราบฝังของสิ่งสกปรก-เชื้อโรค รวมถึงพัฒนาสินค้าที่ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำ เช่น หมอน ผ้าห่ม (Cooling Pillow & Blanket) และ ผ้าม่านไม่อมฝุ่น ไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีช่วยป้องกันและยับยั้งไรฝุ่นและการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ แบคทีเรีย ฯลฯ ตามมาตรฐานสากลจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และนวัตกรรม Aquashield วัสดุไม้ที่ออกแบบให้ทนความชื้นพิเศษ โดยวางเป้าหมายเพิ่มวัสดุที่ผลิตสินค้าด้วยนวัตกรรมด้านสุขภาพและความปลอดภัย เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 20% ของ portfolio สินค้าใหม่ของกลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ในปี 2568
ยกระดับสินค้าและพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่ความยั่งยืนรูปแบบ Urban Living โดยโครงการพัฒนาสินค้าร่วมกับกลุ่มชุมชนเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและสร้างรายได้กับชุมชนปี 2566 โดยนำร่องร่วมกับ “กลุ่มใบไม้” ชุมชนคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช นำความโดดเด่นจากวิถีชุมชนการรวมตัวกันเพื่อสร้างสรรค์งานศิลป์ที่เรียบง่ายแต่ทรงคุณค่ามีสเน่ห์ จนก่อเกิดภูมิปัญญาหัตถกรรมผ้ามัดย้อมจากธรรมชาติ 100% โดย ILM เข้ามาเป็นสื่อกลางเชื่อมโยงระหว่างการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นแบบธรรมชาติมาผสานกับดีไซน์สมัยใหม่ในรูปแบบ Urban Living ซึ่งยังคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์วิถีชุมชนที่สวยงามจากผ้ามัดย้อมสู่ชุดห้องนอน New Collection “HAPPY VACATION” ทั้งนี้นอกจากจะส่งเสริมการพัฒนาชุมชนเข้มแข็งยังต่อยอดการสร้างรายได้ ควบคู่กับยกระดับหัตถกรรมท้องถิ่นสู่ความร่วมสมัยระดับสากล
ให้คุณค่าและความสำคัญกแก่พนักงาน สร้างความเสมอภาพและเท่าเทียมกันกับแรงงานทุกรูปแบบ ใส่ใจดูแลความเป็นสุขและความปลอดภัยของพนักงานรวมถึงสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี, สร้างโอกาสด้านการจ้างงานกับกลุ่มเปราะบางในกลุ่มผู้สูงอายุ- ผู้พิการ รวมถึงจ้างงานเถ้าแก่น้อย เพื่อเปิดโอกาสให้ช่างจัดส่ง-ติดตั้งได้เป็นเจ้าของกิจการของตัวเองและสร้างรายได้อีกด้วย
“ปัจจุบันเทรนด์ “Sustainability is a top concern for consumers” ผู้บริโภคตื่นตัวและให้ความสำคัญกับการช้อปสินค้าเพื่อความยั่งยืนอย่างมาก โดยมองว่าพฤติกรรมการซื้อสินค้ามีผลต่อโลกอย่างไร และจะเลือกซื้อสินค้า,การบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีดีไซน์เรียบง่าย ทนทานใช้งานได้ยาวนาน เพื่อร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและโลก ขณะเดียวกันก็เพื่อปกป้องตัวเองจากผลของภาวะอากาศที่กำลังวิกฤต บริษัทฯ มีหมวดสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ Dining , Bedroom และ HDI (กลุ่มของใช้ในบ้าน) ล่าสุดได้ร่วมกับ “กลุ่มใบไม้” ชุมชนคีรีวง โดยนำทีมดีไซน์เนอร์ลงพื้นที่เพื่อ Development สินค้าร่วมกับตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อให้เกิดเป็นชุดห้องนอนคอลเล็คชั่น “HAPPY VACATION” โดยตีโจทย์จากภาพความสวยงามของท้องทะเลที่โดดเด่นทางภาคใต้ ให้ความรู้สึกสงบเย็น ผ่อนคลาย ด้วยการใช้โทนสีฟ้า-ครามจากท้องฟ้า และโทนสีขาวจากน้ำทะเลและหาดทราย กับงานออกแบบที่ชูความเรียบง่ายด้วยวัสดุธรรมชาติจากไม้ยางพารา ตกแต่งด้วยผ้ามัดย้อมที่ผ่านกระบวนการทำด้วยมือด้วยสีที่ได้จากพืช-เปลือกผลไม้ธรรมชาติ 100% ซึ่งพร้อมจำหน่าย Q2/2566 นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงดำเนินการตามแผนพัฒนาสินค้าร่วมกับกลุ่มชุมชนเพื่อสร้างรายได้ให้เกิดกับชุมชนภาคต่างๆต่อไป รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง จากการสนับสนุนสินค้าหัตถกรรมชุมชนและคู่ค้า เป็นต้น”
มิติบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจเติบโตยั่งยืน อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ดำเนินการผ่าน 2 แกนหลัก ได้แก่
สร้างประสบการณ์ช้อปแก่ลูกค้า (Customer Experience) ด้วยสินค้าและบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า เสมือนครอบครัวเดียวกัน โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลและการดูแลความปลอดภัยของข้อมูลความเป็นส่วนบุคคล PDPA (Digitalization and data privacy)
ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ บริษัทฯ ได้ยึดมั่นหลักการดำเนินธุรกิจ ภายใต้หลักบรรษัทภิบาลการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซื่อตรง โปร่งใส ไร้การทุจริตคอร์รัปชันในทุกรูปแบบ เพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่ลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และสร้างความยั่งยืนในการพัฒนาธุรกิจต่อไป
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS