{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
ธนารักษ์ ร่วมมือกับยู ซิตี้บูรณะอาคาร“โรงภาษีร้อยชักสาม”อายุกว่า 130 ปี พลิกฟื้นพื้นที่ย่านเจริญกรุงสู่เมืองแห่งความรุ่งเรืองริมแม่น้ำเจ้าพระยา
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานโครงการพัฒนาโรงภาษีร้อยชักสาม เปิดเผยว่า ยู ซิตี้ พร้อมด้วยกรมศิลปากร เริ่มลงพื้นที่สำรวจทางโบราณคดีพร้อมทั้งบันทึกและศึกษารายละเอียดด้านสถาปัตยกรรมของ อาคารศุลกสถาน (The Custom House) หรือโรงภาษีร้อยชักสาม บนที่ราชพัสดุเนื้อที่ 5 ไร่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อดำเนินการเนรมิตอาคารประวัติศาสตร์อายุกว่า 130 ปีแห่งนี้ ให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง พร้อมทั้งยกระดับศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในย่านเจริญกรุง โดยจัดตั้งคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศเข้าร่วมพัฒนาโครงการฯ
ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะเริ่มต้นขั้นตอนการขุดค้นทางโบราณคดีโดยรอบพื้นที่ และสเก๊ตช์ภาพเพื่อบันทึกหลักฐานทางประวัติศาสตร์และรูปแบบโครงสร้างดั้งเดิมของตัวอาคารโดยละเอียด แล้วข้อมูลจากการสำรวจและโครงสร้างเดิมที่ค้นพบจากการขุดค้นดังกล่าวจะถูกนำมาใช้อ้างอิงสำหรับการบูรณะอาคารโบราณสถานและก่อสร้างอาคารใหม่ที่จะเกิดขึ้นภายในพื้นที่ในอนาคต คาดการณ์ว่าการสำรวจดังกล่าวจะเสร็จสิ้นในช่วงต้นปี 2563
ทั้งนี้โครงการพัฒนาที่ราชพัสดุแปลงที่ตั้งโรงภาษีร้อยชักสาม บนพื้นที่ทั้งหมดรวม 5 ไร่ จะใช้เวลาดำเนินการรวมประมาณ 6 ปี ประกอบด้วยการสำรวจขุดค้นทางโบราณคดี การบูรณะซ่อมแซมอาคารเดิมจำนวน 3 หลัง ด้วยการเสริมโครงสร้างและความแข็งแรง การตกแต่งภายนอก และการตกแต่งภายใน รวมถึงการสร้างอาคารใหม่อีก 1 หลัง คาดการณ์ว่าการดำเนินงานบูรณะซ่อมแซมอาคารและพัฒนาพื้นที่ทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในปี พ.ศ. 2568 โดยใช้งบประมาณการลงทุนกว่า 4,600 ล้านบาท และลำดับต่อไปของการพัฒนาโครงการฯ จะครอบคลุมไปถึงการปรับปรุงพื้นที่ให้เป็นห้องประชุมสัมมนา ห้องจัดเลี้ยง พร้อมด้วยห้องอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน
โดยยูซิตี้ได้จัดงานเริ่มเข้าพื้นที่สำรวจทางโบราณคดีและศึกษารายละเอียดด้านสถาปัตยกรรม ตัวแทนจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่มาร่วมงาน อาทิ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายอำนวย ปรีมนวงศ์ อดีตอธิบดีกรมธนารักษ์ นางประนอม คลังทอง รองอธิบดีกรมศิลปากรรักษาการแทนอธิบดี และ ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
สำหรับโครงการดังกล่าวสืบเนื่องจากการลงนามข้อตกลง “โครงการพัฒนาที่ราชพัสดุแปลงที่ตั้งโรงภาษีร้อยชักสาม” ระหว่าง กระทรวงการคลัง กับ ยู ซิตี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งบันทึกทางประวัติศาสตร์ระบุว่า อาคารศุลกสถานนับเป็นหนึ่งในอาคารที่มีสถาปัตยกรรมยุโรปที่ทันสมัยที่สุดในอดีต และเมื่อประกอบกับปัจจัยภายนอกอย่างการตัดถนนเจริญกรุงเพื่อขยายเมืองกรุงเทพฯ ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 บริเวณโดยรอบโรงภาษีร้อยชักสามจึงถือเป็นย่านเศรษฐกิจที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดแห่งหนึ่งในราชอาณาจักรสยาม อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีกลุ่มชาวต่างชาติจำนวนมากเดินทางเข้ามาค้าขายและตั้งถิ่นฐานอันนำมาซึ่งการผสมผสานของวัฒนธรรมที่หลากหลายในพื้นที่ ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวยังคงรายล้อมด้วยสถานที่สำคัญหลายแห่ง อาทิ สถานทูตฝรั่งเศส มัสยิดฮารูณ วัดม่วงแค ร้านค้าดั้งเดิม รวมถึงโรงเรียนและโบสถ์อัสสัมชัญ
ในอดีต นอกจากจะใช้เป็นที่ทำการเก็บภาษีสินค้าขาเข้าและขาออกที่เรียกว่า “ภาษีร้อยชักสาม” แล้ว อาคารแห่งนี้ยังเคยเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ของเชื้อพระวงศ์และชาวต่างชาติ และเป็นส่วนหนึ่งของงานสมโภชเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จนิวัติพระนครหลังจากเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรก จนกระทั่งปี พ.ศ. 2502 อาคารศุลกสถานถูกปรับเป็นที่ทำการของสถานีตำรวจดับเพลิงบางรัก อยู่เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 60 ปี ก่อนจะย้ายออกไป ปัจจุบันตัวอาคารถูกปิดการเข้าใช้งาน และอยู่ในสภาพทรุดโทรม โดยมีโครงสร้างส่วนหนึ่งชำรุดผุพัง
COMMENTS
{{ errors.name }}
{{ errors.value }}
{{c.name}} {{moment(c.created_at,"YYYY-MM-DD HH:mm:ss").toNow()}}
{{c.value}}
RELATED TOPICS